เรียนไม่ตรง-อ่อนภาษา ทำ ‘ว่างงาน’
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟนเพจปิดเทอมสร้างสรรค์
ปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน เปิดสาขาในประเทศไทยจำนวนมาก แต่ละปีตลาดงานมีความต้องการคนมากขึ้นทุกปี แต่กลับพบว่าเด็กจบใหม่กว่า 3 แสนคน ยังมี 1.5 แสนคนประสบปัญหาว่างงาน สาเหตุที่พบคือเรียกเงินเดือนสูง เลือกงาน/องค์กรจะต้องเป็นบริษัทใหญ่มีชื่อ หรือถ้าเป็นองค์เล็ก เช่น กลุ่มสตาร์ทอัพก็ต้องเป็นรู้จัก และขาดทัศนคติเชิงบวก ที่รวมไปถึงเรื่องคุณสมบัติทักษะต่างๆ
อันธิกา ลิมปิอนันต์ชัย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทจัดหางาน จ๊อบส์ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการ 400 กว่าบริษัททั้งไทยและต่างประเทศ พบว่าทักษะที่นายจ้างต้องการจากนักศึกษาที่จบใหม่คือ ทักษะด้านการสื่อสารฟังพูดอ่านเขียน 62% ทักษะภาษาอังกฤษ 62% และทักษะในการทำงานที่ตรงกับสาขาวิชาชีพ 54% ต้องมีคุณลักษณะ เปิดรับความรู้ใหม่/พัฒนาตนเอง 50% ทำงานเป็นทีมได้ 50% และมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ 45% เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษเป็นที่ต้องการค่อนข้างสูงในตลาดแรงงาน และยังเป็นทักษะสำคัญอยู่ใน 3 อันดับต้นที่ต้องมี
ตลาดดิจิทัลเป็นที่ต้องการสูง
"เด็กจบใหม่ต้องสื่อสารได้ก่อน ซึ่งหมายรวมถึงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ยิ่งถ้ามีทักษะภาษาอังกฤษ ก็จะมีโอกาสได้งานที่ดีกว่า ค่าตอบแทนสูง เงินเดือนสูงกว่า 30% เมื่อเทียบจากในตำแหน่งงานเดียวกัน การเติบโตในสายงานก็มากขึ้น เพราะถ้าเก่งและ มีความสามารถ แต่ไม่สามารถสื่อสารได้ก็จะเป็นปัญหากระทบต่องาน" อันธิกา กล่าว
ทั้งนี้ สายงานที่ขาดแคลนผู้สมัครในปัจจุบัน ได้แก่ ไอที 43% วิศวกรรม 29% บัญชี 31% การตลาดดิจิทัล 44% ปัจจุบันตำแหน่งงานการตลาดดิจิทัลเป็นที่ต้องการมากกว่า 4,800 ตำแหน่ง แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูล ของผู้หางาน มีเพียง 700 ตำแหน่งที่สมัครงาน ในตำแหน่งดังกล่าว
ตกงานจบสาขาตลาดไม่รองรับ
เพชรรัตน์ สินอวย โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาย้อนหลัง 5 ปี (2556-2560) มีผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ปีละประมาณ 3 แสนคน และข้อมูลการจ้างงาน ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในเดือน พ.ค.2561 ยอดคนตกงานที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมากถึง 170,900 คนนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ใหม่ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเดิม
ซึ่งในภาพรวมการตกงานมีหลายสาเหตุ เช่น การเลือกเรียนในสายที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน แต่เป็นการเลือกตามกระแส ค่านิยม หรือเรียนตามเพื่อน ทำให้เกิดปัญหาตกงาน หรือได้งานทำไม่ตรงกับสาขาที่เรียน หรือทำงานต่ำกว่าวุฒิการศึกษา ผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีบางส่วนยังไม่ต้องการหางานทำ หรือผู้ที่ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีบางส่วนมีความต้องการเพียงใบรับรองคุณวุฒิเท่านั้น เพราะครอบครัวมีธุรกิจหรืออาชีพที่ต้องการให้บุตรหลานรับช่วงต่อ รวมถึงเป็นผู้ที่ลาออกจากงานเดิม และต้องการเปลี่ยนงานใหม่เพื่อหาประสบการณ์ในการทำงาน
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสำรวจความต้องการผู้สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3 ถึงปริญญาตรี เพื่อนำข้อมูลดังกล่าว จัดส่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการ จัดหางาน บริการแนะแนวอาชีพ แก่นักเรียนที่จะจบการศึกษามัธยมศึกษาได้ทราบถึงอาชีพและลักษณะอาชีพที่อยู่ในความต้องการของตลาดแรงงาน เพื่อเลือกสาขาที่จะเรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่มีตลาดแรงงานรองรับ
ปัจจุบันมีตำแหน่งงานว่างทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 180,180 อัตรา เป็นระดับปริญญาตรี จำนวน 22,345 อัตรา ผู้สนใจสามารถเลือกใช้บริการในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ รถบริการจัดหางานเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เว็บไซต์ http://smartjob.doe.go.th หรือสายด่วน 1506 กด 2
เพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ
นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ข้อมูลผลการทดสอบ ทักษะภาษาอังกฤษของสถาบันสอนภาษา Education First ได้รายงานดัชนีวัดระดับความรู้ ทางภาษาอังกฤษประจำปี 2560 พบว่า ประเทศไทยแม้จะอยู่ในอันดับที่ 53 ซึ่งดีขึ้นกว่าปี 2559 ที่อยู่ในอันดับที่ 56 แต่ก็เป็นลำดับเกือบรั้งท้าย หากเทียบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากกัมพูชาและลาว ซึ่งในโลกของการทำงานไร้พรมแดน ทักษะทางภาษาอังกฤษมีความจำเป็น อย่างมากที่จะเชื่อมทุกคนทั้งโลกเข้าด้วยกัน
คริสโตเฟอร์ ไรท์ อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ กล่าวว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อให้ใช้งานได้จริงนั้นมีทฤษฎีง่ายๆ คือ 2M&M โดยตัวแรกหมายถึง Man หรือคน การที่เก่งภาษาอังกฤษจะถูกเลี้ยงดูหรือเจอครู หรือพบเจอสถานการณ์ที่ทำให้ชอบและมีแรงบันดาลใจในการที่จะพูดภาษาอังกฤษ ตัวที่ 2 คือ Media หรือสื่อต่างๆ ดูหนังฟังเพลงอ่านหนังสือที่ชอบ ตั้งใจดูและอ่านเนื้อร้องไปด้วย และ Mouth และ Mind ต้องขยันฝึกการพูดและเปิดใจ ที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
วิธีการง่ายๆ ทำได้เองก็คือ 4S คือ SEE หัดดู หัดอ่านภาษาอังกฤษให้มากผ่านสื่อต่างๆ SOUND ฟังไปด้วยแล้วอ่านไปด้วยได้ก็ยิ่งดี SAY ต้องหมั่นฝึกพูด และ SENSE สมองและจิตใต้สำนึกที่ต้องเตือนตนเองให้ทำสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ก็จะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น และมองให้มองภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่าย สนุก และใช้ได้จริง
เสริมทักษะอาชีพเรียนรู้ตลอดชีวิต
สรวิศ จงประสิทธิผล ผู้ประกอบการธุรกิจโรงหล่อโลหะ ผู้เรียนหลักสูตรบุคคลภายนอก ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ จึงลองมาเรียน มีคณะอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิที่สอนอย่างใกล้ชิด มีความเป็นกันเอง อุปกรณ์การเรียนมีความทันสมัย และสะดวก สามารถนำความรู้ ที่เรียนมาใช้ในการพัฒนาธุรกิจได้จริง การได้มาเรียนหลักสูตรนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่อยากหาความรู้เพิ่มเติมในการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ หรืออยากทบทวนความรู้เดิมที่เคยเรียน
อบรมไอทีตอบโจทย์แรงงานดิจิทัล
วรเทพ มงคลวาที ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอที จำกัด กล่าวว่า การเพิ่มพูนความรู้ และหมั่นพัฒนาทักษะของตนเองอยู่เสมอ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในสาย อาชีพนั้นๆ การฝึกอบรมบุคลากรที่มีความประสงค์จะร่วมงานกับบริษัทไอที เพื่อเพิ่มทักษะความ สามารถ รวมไปถึงศักยภาพในการทำงานให้เหมาะสมและตรงกับหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละสายงานต่อไป
โดย 8 หลักสูตรที่อบรมประกอบด้วย 1.Java Developer, 2.Android Developer, 3.IOS Developer, 4.Net Developer, 5.System Analyst, 6.Network Engineer, 7.Security Engineer และ 8.Front-End Developer โดยผู้ที่สนใจดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.arit.co.th/it-requirement