เรียนรู้และเข้าใจโรคทางจิตเวช
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวโครงการ“อุ่นรักอุ่นใจ ไบโพลาร์Healthy mind, Happy life” เรียนรู้และเข้าใจโรคทางจิตเวช พร้อมมอบโอกาสให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข
เนื่องด้วยทุกวันนี้ คนไทยประมาณร้อยละ10-15 มีปัญหาสุขภาพจิต แต่มีเพียงร้อยละ1เท่านั้นที่มาพบแพทย์ในขณะที่ประเทศไทย พบว่ามีผู้ป่วยโรคอารมณ์แปรปรวนหรือทางการแพทย์เรียกว่า “ไบโพลาร์” เป็นจำนวนมากนับหลายแสนคนโดยจากรายงานล่าสุดในการให้บริการผู้ป่วยจิตเวชของประเทศไทย กรมสุขภาพจิต และคลังข้อมูลการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ปี2559พบว่า มีผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ ทั้งสิ้น32,502คน จากผู้ป่วยจิตเวชทั้งหมด712,359คน ซึ่งยังมีอีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าตนป่วย หรือไม่กล้ามาพบแพทย์ จึงไม่อยากให้เกิดความชะล่าใจ เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่คิดว่าเป็นอาการของโรคแปรปรวน และหากปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายได้ทั้งกับตัวผู้ป่วยเอง คนใกล้ชิด และสังคมรอบข้างได้ เนื่องด้วยผู้ป่วยมักใช้ความรุนแรงทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว บางครั้งก็มาจากการที่มีอารมณ์แบบสุดขั้ว บางรายมีอาการซึมเศร้าถึงขั้นฆ่าตัวตาย ซึ่งจากสถิติพบว่าคนไข้1ใน5สามารถฆ่าตัวตายได้สำเร็จ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์รณชัย คงสกนธ์นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ในฐานะแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ได้ตระหนักและรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับโรคภัยต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “โรคทางจิตเวช” ถือเป็นหนึ่งในกลุ่ม7โรค ที่แพทยสมาคมฯ ได้ดำเนินงานอยู่ภายใต้ “โครงการอุ่นใจเมื่อใกล้แพทยสมาคมฯ” สำหรับปีนี้ “ไบโพลาร์” หนึ่งในโรคทางจิตเวชได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นกระแสในสังคมทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ จึงถือโอกาสเปิดตัว “โครงการอุ่นรัก อุ่นใจ ไบโพลาร์Healthy mind, Happy life” ขึ้นเพื่อสร้างพลังในเชิงบวกให้กับกลุ่มผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วย รวมถึงสะท้อนถึงมุมมองและประสบการณ์ตรงของผู้ป่วยและคนในครอบครัว ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่คนในสังคมได้รับรู้ถึงความรู้สึกและเข้าใจอาการของผู้ป่วยไบโพลาร์ รวมถึงผู้ป่วยทางจิตเวชให้มากยิ่งขึ้น เพื่อผู้ป่วยกลุ่มนี้จะได้มีที่ยืนในสังคมได้อย่างเป็นธรรม โดย “โครงการอุ่นรัก อุ่นใจ ไบโพลาร์” นี้ จะมุ่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องผ่านกิจกรรมการสัญจรให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไบโพลาร์ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ เพื่อให้สังคมช่วยกันสังเกตพฤติกรรมคนใกล้ชิด เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี เนื่องจากเป็นโรคที่รักษาได้และสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง รวมถึงได้รับการยอมรับจากสังคมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
อีกทั้ง เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้วมีประสิทธิผล ทั้งผู้ป่วยและครอบครัวควรได้รับความรู้ความเข้าใจ ทั้งเรื่องธรรมชาติของโรค ปัจจัยเสี่ยง การรักษา วิธีการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ การจัดการกับความเครียด การจัดการกับจัดการกับปัญหาในชีวิตตลอดจนส่งเสริมให้มีการสื่อสารที่มีคุณภาพในครอบครัว เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการรักษา และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชวนันท์ ชาญศิลป์ นายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดโรคไบโพลาร์ ว่ามีอยู่หลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม หรือการเลี้ยงดู โดยทางพันธุกรรมนั้นในครอบครัวที่พ่อแม่ป่วยโรคนี้ ลูกก็จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นไบโพลาร์มากกว่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นกันทุกคน รวมถึงการเลี้ยงดู หากเลี้ยงดูจนทำให้เด็กเกิดความเครียด หรือไม่สามารถปรับตัวได้ ก็เสี่ยงที่จะเกิดการกระตุ้นให้เกิดโรคได้มากขึ้น ส่วนสิ่งแวดล้อม เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสมอง ทำให้การควบคุมอารมณ์เปลี่ยนไป โดยผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ จะมีอารมณ์แปรปรวนที่ผิดปกติแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ อารมณ์เศร้าหรืออารมณ์รื่นเริงสนุกสนานผิดปกติ ในช่วงระยะอารมณ์ซึมเศร้าจะมีอาการแบบนี้ติดๆ กันนานถึง2สัปดาห์-1เดือน ผู้ป่วยจะมีอารมณ์เศร้า หดหู่ ร้องไห้ง่าย เบื่ออาหาร รู้สึกว่าชีวิตตนเองไม่มีคุณค่า มองตัวเองในแง่ลบ และมีความคิดฆ่าตัวตาย ส่วนในช่วงที่มีอารมณ์รื่นเริงสนุกสนานผิดปกตินานติดๆ กัน2สัปดาห์-1เดือนเช่นกันผู้ป่วยจะรู้สึกมีความสุขมาก อารมณ์ดีมากกว่าปกติ คึกคัก มีความมั่นใจมากขึ้น แต่ขาดความยับยั้งชั่งใจ หากถูกห้ามปรามหรือขัดขวางในสิ่งที่ต้องการจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว ในรายที่มีอาการรุนแรงจะพบมีอาการหลงผิดแบบมีพลังวิเศษ หรือมีความสามารถพิเศษเหนือคนอื่นจนถึงมีภาวะหวาดระแวงได้
อดีตนักแสดงหมวย-สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์ ได้เปิดใจ ว่า “ตอนแรกคนรอบข้างไม่เข้าใจเรา คิดว่าหมวยเป็นบ้า เป็นคนเหวี่ยงวีนช่วงนั้นควบคุมสติไม่ได้ ปกติเราอาจจะโกรธแค่ระดับ5แต่ถ้าคนที่เป็นโรคนี้ โกรธได้ถึงระดับ100จริงๆ หมวยพยายามควบคุมอารมณ์ แต่มันทำไม่ได้ เพราะโรคไบโพลาร์เกิดจากสารเคมีในสมองไม่เท่ากัน มันเป็นโรคที่เครียด ผิดหวังเรื่องที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นกับตัวช่วงนั้นโปแตสเซียมตก ต้องถูกนำตัวส่งห้องICUก่อนหน้านี้มีอาการขึ้นๆ ลงๆ แบบสองขั้ว เวลามีความสุขก็แทบจะอยากจุดพลุ แต่ถ้ามีอะไรสะกิดปั๊บมันจะดิ่งลงมา รู้สึกว่าต้องฆ่าตัวตายเดี๋ยวนี้ จนรู้สึกว่าเริ่มรับมือไม่ไหวก็เลยไปหาหมอดีกว่า ชีวิตตอนนี้มีความสุขดี ตอนที่หายป่วยใหม่ๆ ยังไม่มีงาน แฟนและคนรอบข้างก็ให้กำลังใจว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีก2-3เดือนจะมีงาน อดทนนะ ฝ่าฟันไปให้ได้นะ ชีวิตมันไม่ได้ต้องการอะไร แค่มีคนที่ฝ่าฟันไปด้วยกัน แฟนและคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้ชีวิตหมวยดีขึ้น ดีขึ้นมากๆ เข้าใจโลกมาก”
และอีกประสบการณ์ตรงของ ดีเจเคนโด้-เกรียงไกรมาศ พจนสุนทรในฐานะที่เคยป่วยเป็นไบโพลาร์ ขอแชร์เพื่อจุดประกายคนที่กำลังป่วยหรือคนที่มีโอกาสเป็นโรคนี้ ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องก็สามารถหายใช้ชีวิตปกติได้ “ช่วงที่ผมป่วยระยะManiaมีอาการถึงขั้นคิดว่าสามารถเข้าทรงได้ คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษต่างๆ นานา นี่มันเป็นอาการของโรคเลย คือเห็นตัวเองมีอำนาจวิเศษมันจะค่อยๆ ขยับตัวเองขึ้นไป เช่น ฉันเก่ง เก่งมาก เริ่มมีอำนาจวิเศษ บางคนถึงขั้นคิดว่าตัวเองเหาะเกินเดินอากาศได้ขึ้นไปบนตึกแล้วกระโดดลงมาเพราะคิดว่าตัวเองบินได้ เนื่องจากสมองสั่งให้มีพฤติกรรมเช่นนั้นส่วนด้านพฤติกรรมความก้าวร้าวผมเคยถึงขั้นชี้หน้าว่าแขกรับเชิญและผู้ร่วมงานด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคาย และเมื่อเข้าสู่ระยะDepressedจะเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากจะทำอะไร นอนไม่หลับ อยากจะอยู่แต่บนเตียง ไม่อยากทำงาน ร้องไห้ ขับรถมาทำงานก็ร้องได้ ถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ทั้งหมดทั้งมวลแล้วเป็นตัวเราที่ถูกครอบด้วยโรค เมื่อเรารู้ไม่ทันมัน เรารักษาไม่ทันมันก็จะเกิดความเสียหายทางร่างกายและจิตใจของทั้งตัวเองและครอบครัว จึงอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนเข้าใจว่าผู้ป่วยไบโพลาร์ ไม่ใช่คนบ้า ไม่ใช่คนโรคจิต แต่จัดอยู่ในกลุ่มของโรคทางอารมณ์ที่จะสามารถรักษาหายได้ด้วยยาและจิตบำบัดผมจะบอกเสมอการไปหาจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไรเลย การไปหาจิตแพทย์มันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เมื่อเราได้ปรึกษา เราจะได้ตัดเรื่องอารมณ์ความคิดอะไรออกไป เราจะมีสติมากขึ้น”
ทั้งนี้ โครงการ “อุ่นรัก อุ่นใจ ไบโพลาร์ Happy mind, Happy life” จะจัดโรดโชว์ใน 3 จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ ลำพูนอุดรธานี และสงขลา เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคทางจิตเวชและสนับสนุนกลุ่มผู้ป่วยในพื้นที่รวมทั้งเครือข่ายครอบครัวของผู้ป่วยในการจัดการกับโรคจิตเวชเพื่อความผาสุกของชีวิตและสังคม สามารถติดตามข่าวสารความคืบหน้าของโครงการฯได้ที่ เฟซบุ๊คแฟนเพจอุ่นใจเมื่อใกล้แพทยสมาคม