เรียนรู้ต้นแบบชุมชนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
แฟ้มภาพ
นอกเหนือจากความสำเร็จของ "เวทีชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"ที่ได้ดำเนินงานสร้างเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งทั่วประเทศถึง 2,000 ชุมชน ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกบอกเล่าภายในงาน "เวทีชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น เมื่อกลางเดือน ต.ค. 2558
ภายในงานดังกล่าวยังทำให้ทราบด้วยว่า ชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นหนึ่งในภูมิภาคต้นแบบในการขับเคลื่อนงานชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จากการดำเนินงานที่เข้มแข็ง แน่วแน่ และร่วมแรงร่วมใจ พัฒนาศักยภาพชุมชนตนเองจากต้นทุนในท้องถิ่น ผ่านกระบวนการทางวิชาการ เช่น ระบบข้อมูลตำบล การวิจัยชุมชน การจัดการความรู้ การพัฒนาข้อเสนอนโยบายสาธารณะขับเคลื่อนกิจกรรม จนกลายเป็นรูปธรรมในการจัดการพื้นที่ของชุมชนเครือข่าย ภายใต้การสนับสนุนการดำเนินงานจาก สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำให้ภาคอีสานมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในฐานะศูนย์จัดการเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถึง 27 แห่ง และมี อปท.เป็นสมาชิกเครือข่ายอีก 515 แห่ง กระจายตัวใน 20 จังหวัด
ธัญญา แสงอุบล ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนวิชาการพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ศวภ.อีสาน) กล่าวว่า เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (ศวช.) คณะพยาบาลศาสตร์ ม.วิทยาลัยขอนแก่น ช่วยสนับสนุนด้านวิชาการ ต่อมาได้ถ่ายโอนมาที่ ศวภ.อีสาน
"ด้วยระยะเวลาการทำงานในพื้นที่กว่า 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดรูปธรรมในการจัดการตนเองของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งสอดคล้องและเท่ากันกับสถานการณ์ทางสังคม ขณะที่ปัจจุบัน รัฐบาลมีแนวนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยให้ความสำคัญกับรูปกรรมการจัดการของพื้นที่ สิ่งที่เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำอยู่ ผ่านนโยบายสาธารณะทั้ง 7 ประเด็น ล้วนเชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจ และสามารถยกระดับการดำเนินงาน พร้อมขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้อย่างชัดเจน"ผอ.ศวภ.อีสาน ระบุ
ด้าน รศ.ดร.ขนิษฐา นันทบุตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (ศวช.) กล่าวสนับสนุนการทำงานของชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนว่า อปท. ต้องมั่นใจว่าชุมชนสามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความรู้จากหน่วยงานราชการ หรือความรู้จากองค์กรการศึกษาอื่นเพียงอย่างเดียว ต้องบอกตัวเองเสมอว่า ชุมชนของเราคือสถาบันที่สามารถสร้างความรู้ให้กับคนอื่นได้ ชี้นำสังคมได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนกับปฏิรูปการเรียนรู้ ปฏิรูปให้เห็นโอกาสที่ทำให้ชุมชนท้องถิ่นไม่จำกัดบทบาทเป็นแค่ผู้ตามอีกต่อไป นับเป็นการเปลี่ยนระบบการเรียนรู้โดยสิ้นเชิง
เช่นเดียวกับ ดวงพร เฮงบุญพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. ที่แสดงทัศนะไว้ว่า การสร้างวัฒนธรรมชุมชนท้องถิ่นให้สามารถใช้ทุนและศักยภาพของตนเองอย่างสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ผ่านการจัดการข้อมูลชุมชนในหลากหลายด้าน ถือเป็น "แก่น" และ "กลไก" สำคัญ ในการใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการพัฒนา ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะสามารถพัฒนาชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพ ภายใต้อัตลักษณ์และตัวตนของชุมชน
สำหรับผู้ที่สนใจว่าชุมชนท้องถิ่นภาคอีสาน มีวิธีการจัดการตัวเองจนกลายเป็นชุมชนเข้มแข็งใน 12 ด้าน ได้แก่ ชุมชนเข้มแข็งผ้าพื้นเมือง, ตลาดชุมชน, การจัดการน้ำ, การจัดการขยะ, ผักสวนครัว, การส่งเสริมอาชีพ, การท่องเที่ยวชุมชน, การจัดการป่า, องค์กรการเงิน, การบริการสุขภาพชุมชน, ข้าวและโรงสีชุมชน และศูนย์การเรียนรู้ จนนำพาครอบครัว สังคม และประเทศชาติ พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืนได้อย่างไร ติดตามได้ในอาทิตย์หน้า.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์