เริ่มแล้ว7วันอันตรายปีใหม่ ศปถ.คุมเข้มถนนสายหลัก-รอง
ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
เริ่มแล้ว 7 วันอันตราย ศปถ. คุมเข้มถนนสายหลัก-สายรอง เฝ้าระวังเกิดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ พร้อมติดตามประเมินผล เพื่อแก้ไขมาตรการ หวังอุบัติเหตุลดน้อยลง อวยพรปชช. ขอให้ใช้ชีวิตในเชิงสร้างมงคล สวดมนต์ข้ามปี- ทำบุญตักบาตร
พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถน (ศปถ.) เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดว่าจะมีประชาชนใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก อย่างที่ทราบก่อนหน้านี้เรามีการรณรงค์หลายเรื่อง เช่น การใช้ความเร็ว การดื่มสุราและขับขี่ยานพาหนะ ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการประชุมในการเฝ้าระวังช่วงเทศกาลปีใหม่ เราจึงเน้นในการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับการสร้างความตระหนักรู้ เพราะทราบกันดีว่าปัญหาของการเกิดอุบัติเหตุนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งเรามีการพัฒนามาตรการรื่อยมา เช่น การบังคับบังคับใช้กฎหมายที่มีความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการดูและความปลอดภัยทั้งถนนสายหลักและสายรอง ใช้มาตรการตรวจวัดแอลลกอฮอล์ หรือการเอาผิดคนที่ดื่มสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะ โดยจะเน้นการใช้มาตรการต่างๆ ให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงและสีส้ม รวม 144 อำเภอ
อย่างไรก็ตามหลังจากพ้นเทศกาลปีใหม่ จะมีการประเมินว่ามาตรการต่างๆ ที่ใช้นี้เป็นอย่างไร โดยจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย หรือแนวทางการปฏิบัติก็ดี ซึ่งในปีนี้ ยังใช้มาตรการจับแล้วยึดรถเช่นเดิม ส่วนมาตรการเสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การสวมหมวกกันน้อค การคาดเข็มขัดนิรภัย ก็จะบังคับใช้อย่างเข้มข้นเช่นกัน นอกจากนี้ในเรื่องกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นถนน แสงสว่าง ป้ายจราจร ทุกพื้นที่ต่างพยายามทำให้พร้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวงคมนาคม ก็ได้มีการวางแผนการใช้ถนน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน
เมื่อถามว่าในปีนี้คาดว่าจะสามารถลดอุบัติเหตุได้มากกว่าปีที่ผ่านๆ หรือไม่ ตนคาดหวังว่า สิ่งต่างๆ ที่เราได้รู้ปัญหาและได้มีมาตรการจะทำให้เข้มงวด และหวังว่าประชาชน จะมีความร่วมมือจากการสร้างความรับรู้ ตนเข้าใจว่าการเกิดอุบัติเหตุจะมีปริมาณที่ลดลง เข้าใจว่าไม่เหนือไปกว่าความร่วมมือของทุกฝ่ายที่จะทำให้ปัญหานี้ หมดไป จะทำให้เกิดผลดีกับประชาชนเอง คาดว่าจะลดลงแน่นอน อย่างไรก็ตาม มาตรการบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องหนึ่ง และอีกเรื่องหนึ่งต้องทำคือ ให้คนใช้รถจักรยานยนต์ตระหนักโดยเฉพาะในพื้นที่ถนนสายหลักและสายรอง ที่มีการใช้รถจำนวนมาก อุบัติเหตุก็จะมีจำนวนมากตาม ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน แต่หากยังมีคนฝ่าฝืนจะต้องมีการใช้มาตรการบังคับทางกฎหมาย เช่น หากมีการสวมใส่หมวกกันน็อก แม้สถิติการเกิดอุบัติเหตุยังมี แต่การเสียชีวิตลดน้อยลง ทำให้รู้ว่ามาตรการนี้ใช้ได้ แต่จะต้องบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมหวกกันน็อกมากขึ้น ฉะนั้นคาดหวังว่าการทำงานในช่วงปี หม่ จะให้เป็นไปตามมาตรการเคร่งครัด เพื่อเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ ว่าจะมีผลต่อสถิติของการสูญเสียลดลงอย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกว่า ต้องเพิ่มโทษ แต่ต้องไปศึกษากันว่า จะต้องทำอย่างไรให้เกิดความตระหนัก ถ้าหากยังดื่มสุราและยังเกิดความสูญเสียมาก ก็ต้องหามาตรการแก้ไขให้แรงขึ้นหรือไม่
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า พวกเราคณะทำงานความปลอดภัยทางถนนได้มีการเก็บสถิติข้อมูลความสูญเสียในทุกเทศกาลต่างๆจะมากกว่าเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกันแล้ว ในช่วงวันธรรมดา อัตราความสูญเสียสูงกว่า ฉะนั้นเรื่องแนวคิดต้องถึงเวลาที่จะต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจว่าเราสูญเสียในเรื่องดังกล่าวนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นตัวเจาเอง ครอบครัวเดือดร้อน รัฐบาลต้องดูแลคนเจ็บคนป่วย ทำให้เสียประโยชน์กับประเทศชาติ นอกจากนี้จาก ข้อมูลที่ระบุว่าประเทศไทยติดอันดับการเกิดอุบัติเหตุสูงอันดับ 9 ของโลก และมาจากมอเตอร์ไซด์เป็นอันดับ 1 ของโลก ตนอยากให้ช่วยกันรณรงค์และต้องมีการวิเคราะห์มาตรการที่ใช้ ว่ามีความพอเพียงหรือไม่ การรณรงค์ให้ตระหนักรู้ ประชาชนทำตามหรือไม่ รวมถึงรณรงค์ไม่ให้ดื่มสุรา ขับรถเร็ว พอเพียงหรือไม่ต้องหาให้เจอว่าอะไรคือข้อบกพร่องและต้องแก้ไขปรับปรุง ตนคิดว่าเราเดินมาได้มากแล้วพอจะรู้ปัญหา จึงอยากวิงวอนทุกคนว่าให้บอกน่อว่ามาตรการของเราดีแล้ว อยากให้ปฎิบัติตาม
พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้กล่าวอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ อยากให้ประชาชนทุกคนใช้เวลาในเทศกาลปีใหม่ในเชิงสร้างมงคลให้กับตนเองและครอบครัว ไม่ว่าจะการไปสวดมนต์ข้ามปี การทำบุญใส่บาตร และหารไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้เป็นมงคล จะเกิดประโยชน์แก่ตนเองและครอบครัว อย่าไปดื่มสุรา ขับรถเร็ว จะได้ช่วยกันลดอุบัติเหตุไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและครอบครัว