เริ่มแล้วรณรงค์ปลุก ‘เมาไม่ขับ’

 

          มูลนิธิเมาไม่ขับเชิญชวนผู้ใช้รถปฏิบัติตามพระราชดำรัสในหลวง  ที่ทรงขอให้คนไทยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ เพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ นายกฯ เปิดงานรณรงค์เมาไม่ขับ

 

          มูลนิธิเมาไม่ขับได้ออกคำเตือนถึงการใช้รถในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ว่า ขอให้คนไทยปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ที่พระราชทานเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553 ขอให้คนไทยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ โดยการขับขี่รถอย่างมีสติ เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ เร็วไม่ขับ  โทร.ไม่ขับ และสวมหมวกกันน็อกทุกครั้งที่ขี่หรือซ้อนรถจักรยานยนต์

 

          ทั้งนี้  การเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลมักจะมีสถิติสูงอย่างน่าวิตกในทุกๆ  ปีที่ผ่านมา  โดยเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่  2553  ช่วงเวลา  7  วันที่ประชาชนเดินทางกันมาก  มีคนไทยเสียชีวิต 347 ราย บาดเจ็บ 3,827 ราย สาเหตุสำคัญเกิดจากการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ขับรถย้อนศร และการไม่เคารพกฎจราจร

 

          สำหรับเทศกาลปีใหม่นี้ มูลนิธิเมาไม่ขับร่วมกับภาคีเครือข่าย  และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  จัดโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ไปให้ถึง  ในวันพุธที่ 22 ธันวาคม เวลา 08.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล  โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  เป็นประธาน พร้อมทั้งจะมีเหยื่อซึ่งเป็นผู้พิการที่มีสาเหตุมาจากเมาแล้วขับ จำนวน 9 คน ปั่นวีลแชร์นำขบวนคาราวานรณรงค์เชิญชวนคนไทยปฏิบัติตามกระแสพระราชดำรัสเพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่  ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  โดยมีระยะทางจากตึกสันติไมตรีไปตามสถานที่ในจังหวัดต่างๆ  ตลอดเส้นทางสู่ภาคใต้  โดยมีจุดหมายปลายทางที่เกาะสมุย  จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร

 

          ด้านกรมคุมประพฤติ  กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า  ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่ดื่มสุรามากเป็นอันดับ 5 ของโลก แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังคงนิยมดื่มสุรา  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว  แต่หากใครที่เมาแล้วขับและถูกจับ  โดยถูกตรวจพบว่ามีแอลกอฮอล์ในเลือด  50  มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป  ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย  นอกจากศาลจะสั่งจำคุกและปรับ หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่แล้ว ผู้นั้นอาจถูกคุมความประพฤติในระยะเวลา  1-2  ปี  ต้องรายงานตัวเป็นระยะ และต้องทำงานบริการสังคม เช่น การดูแลผู้ป่วย บริจาคโลหิต ทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ  จำนวนตั้งแต่  12-48  ชั่วโมง ตามความหนักเบาของปริมาณแอลกอฮอล์

 

          สำหรับในปี  2553  ตั้งแต่ต้นปีจนถึง เดือนกันยายน มีผู้ที่เมาแล้วขับ ถูกศาลสั่งคุมความประพฤติและทำงานบริการสังคมรวมยอด 20,153 ราย.

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

 

 

Update:27-12-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code