เยาวชนไทยห่างไกลสุรา ตามพระบรมราโชวาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต และแฟ้มภาพ
เปิดเวทีสุนทรพจน์ เพื่อเยาวชนห่างไกลสุราให้ยึดพระบรมราโชวาท"ไม่เป็นทาสอบายมุข"
แม้ทุกคนจะรู้ว่าเหล้าเป็นที่มาของปัญหาต่างๆ แก่ผู้ดื่มทั้งเรื่องของสุขภาพทำให้เกิดโรคมากมาย รวมทั้งความรุนแรงในครอบครัวเศรษฐกิจในครอบครัว เศรษฐกิจชาติ อาชญากรรม อุบัติเหตุ ที่ยังเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องเพราะน้ำเมา "การรณรงค์การสื่อสาร" เพื่อให้เข้าใจและตระหนักถึงพิษภัยของเหล้ายังคงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้จำนวนนักดื่มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเยาวชนรุ่นใหม่
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวในเวทีประกาศรางวัลกิจกรรมประกวดพูดสุนทรพจน์หัวข้อ"ครอบครัว เยาวชน คนรุ่นใหม่ ห่างไกลสุราพาชาติเจริญ" (ซึ่งเป็นคำขวัญวันงดดื่มสุราแห่งชาติประจำปี2559 จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) จัดโดย สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และภาคีเครือข่าย ว่าเรื่องนักดื่มหน้าใหม่ ยังคงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง จากสถิติพบว่า ประเทศไทย มีนักดื่มหน้าใหม่กว่า 2.5 แสนคนต่อปี อีกทั้งยังมีโอกาสติดสุราถึง 70% โดยสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดความรุนแรง ทะเลาะวิวาท ปัญหาสุขภาพ อุบัติเหตุตลอดจนการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น
"เยาวชนคนรุ่นใหม่" ถือเป็นช่วงวัยที่มีความคิดทันสมัย มีศักยภาพและมีความเป็นพลเมือง เพียงแต่ไม่มีอำนาจมากพอที่จะแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ รวมถึงการใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งเร้าที่อาจนำไปสู่การปฏิบัติตัวในทางที่ผิดได้ การเปิดพื้นที่สร้างโอกาส ให้ได้แสดงพลัง จะทำให้เด็กและเยาวชนสามารถดึงศักยภาพของตัวเองสร้างสรรค์สิ่งที่ดีได้ เกิดความภาคภูมิใจในการได้ลงมือทำ เป็นเกราะป้องกันที่เข้มแข็งให้เยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพห่างไกลเหล้า-บุหรี่ได้
ดังพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2496 ที่มีใจความว่า"ในการดำรงตนในภายหน้านั้นท่านจะต้องประพฤติให้ดีให้เหมาะสมแก่ฐานะรู้จักผิดและชอบประกอบอาชีพโดยสัมมาอาชีวะ ไม่เสเพล และไม่ปล่อยตนให้เป็นทาสแห่งอบายมุขต่างๆดังนี้แล้ว ท่านก็จะสามารถเป็นที่พึ่งแก่ตนเองและครอบครัวของท่าน และจะเป็นที่นับถือของบุคคลอื่น"
"เพื่อสนองพระบรมราโชวาท สสส.และ สคล.จึงพยายามสร้างมาตรการและรณรงค์ผ่านโครงการต่างๆ เพื่อให้เยาวชนและคนไทยทุกคนห่างไกลจากพิษภัยสุราซึ่งความสำเร็จที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะความร่วมมือจากสถาบันครอบครัว เป็นปัจจัยในการสร้างค่านิยมที่ดีแก่เยาวชนไทยเพราะพื้นฐานที่จะกำหนดทิศทางในการใช้ชีวิตของเยาวชนเริ่มต้นขึ้นจากครอบครัว" ดร.สุปรีดา กล่าว
ด้านนรินทร์ แป้นประเสริฐ ประธานชุมชนวัดโพธิ์เรียงบอกเล่าประสบการณ์จากการทำงานแก้ปัญหาแอลกอฮอล์ในพื้นที่ว่า"ชุมชนวัดโพธิ์เรียง"อยู่ในเขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯเป็นชุมชนขนาดใหญ่กว่า1,600 หลังคาเรือน โดยในช่วงปี 2548 เผชิญปัญหา เรื่องการดื่มเหล้าส่งผลให้เกิดการทะเลาะวิวาท สร้างความวุ่นวายในชุมชน รวมถึงอุบัติเหตุจากการดื่มเหล้าอีกด้วย จนกระทั่งปี 2549 เริ่มมีการพูดคุยประเด็นนี้ในชุมชนจึงร่วมงานกับ สสส. และเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เพื่อออกมาตรการแก้ปัญหาแอลกอฮอล์เริ่มจากการพูดคุยขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการร้านค้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายตลอดจนสร้างมาตรการทำความเข้าใจและให้ความรู้กับชุมชน สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง โดยผลจากการขับเคลื่อนงานส่งผลให้จำนวนนักดื่มในชุมชนลดลงถึง 60%
"ปัญหาเรื่องเหล้าเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในสังคมการที่สสส.พยายาม จัดเวทีรณรงค์ แคมเปญต่างๆ ตลอดจนการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมอย่างเช่นเวทีครั้งนี้ ล้วนเป็นผลประโยชน์ของทุกคนสิ่งเหล่านี้จะเป็นผลสำเร็จ อย่างเข้มแข็งได้หากทุกคนให้ความร่วมมือ เพื่อสังคม และเยาวชนห่างไกลจากพิษภัยของเหล้า" นรินทร์กล่าว
สำหรับผลรางวัลการประกวดพูดสุนทรพจน์ ผู้ชนะเลิศได้แก่ ด.ญ.ผ่องใส กาวี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์อ.หางดง จ.เชียงใหม่ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 นายธนพร แสงสุบินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนชลราษฎรอำรุง อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรีรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 น.ส.พนิตวีร์ ใยระย้า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 โรงเรียนตากพิทยาคม อ.เมืองตาก จ.ตาก รางวัลชมเชย ดช.วีรนันท์ เปี่ยมมนัส ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนโพธิ์ทองพิทยาคม อ.โพธิ์ทองจ.อ่างทอง รางวัลชมเชย ด.ญ.แพรตะวัน สุขเจริญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 โรงเรียนโคกสำโรงวิทยา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
โดย ด.ญ.ผ่องใส กาวี ชาวเขาเผ่าม้งผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศกล่าวว่ารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้ทุกคนห่างไกลจากพิษภัยสุรา เพราะเราต่างรู้ดีว่าสุราไม่เคยให้ประโยชน์มีแต่ให้โทษทั้งผู้ดื่มและคนรอบข้าง สำหรับครอบครัวของตนเอง ตนได้ตกลงกับพ่อว่า หากพ่อไม่ดื่มเหล้า ตนก็จะต้องใจเรียนพยายามให้ได้เกรด 4 ในทุกวิชา ซึ่งบางครั้งพ่อจะดื่มเฉพาะเวลาที่ออกงาน แต่ก็จะคอยเตือนพ่อไม่ให้ลืมสัญญา
"การสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวัน การเข้าประกวดครั้งนี้หวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงในการรณรงค์ ให้ครอบครัวเยาวชน คนรุ่นใหม่ ห่างไกลสุรา เพื่อสังคมไทยของเราน่าอยู่ค่ะ" ด.ญ.ผ่องใส กล่าว