‘เมาแล้วขับ’ ไม่ได้มีแค่ปรับแล้ว

กรมคุมประพฤติหนุนรณรงค์งดดื่มช่วงเข้าพรรษา แจงเมาแล้วขับไม่ได้มีแค่ปรับแล้วปล่อย วอนคอเหล้าเข้าใจกฎหมาย รับแนวโน้มเมาแล้วขับยังสูง ส่วนใหญ่เป็นนักดื่มหน้าใหม่


‘เมาแล้วขับ’ ไม่ได้มีแค่ปรับแล้ว thaihealth


แฟ้มภาพ


กรรณิการ์ แสงทอง อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนของการเข้าพรรษาซึ่งกำหนดให้เป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ในส่วนกรมคุมประพฤติได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศผลักดันให้รณรงค์สร้างความเข้าใจถึงผลของการขับรถขณะเมาสุราอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าวิธีลดจำนวนคดีเมาแล้วขับส่วนใหญ่เป็นผลจากการรณรงค์เพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเข้าใจบทลงโทษที่แท้จริงว่าคดีเมาแล้วขับไม่ได้มีโทษเพียงการปรับแล้วปล่อยตัวกลับอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะบางกรณีศาลจะสั่งคุมประพฤติโดยไม่รอการลงโทษ ซึ่งโดยปกติคดีเมาแล้วขับที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมคุมประพฤติศาลมักสั่งคุมประพฤติ 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท หรือบางรายให้รอลงการลงโทษเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้ต้องเข้ารายงานตัวและทำกิจกรรมเพื่อปรับทัศนคติ สร้างความตระหนักรู้ถึงภัยของสุรา และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ


อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาผู้กระทำผิดคดีเมาแล้วขับเกือบทั้งหมดเป็นนักดื่มหน้าใหม่ ไม่เคยผ่านการถูกคุมประพฤติ และมองว่าหากถูกจับก็แค่ถูกปรับเท่านั้น ขณะที่ความเป็นจริงประเด็นความสูญเสียของเหยื่อที่บางรายชีวิตเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ต้องนั่งวีลแชร์ไปตลอด หากผู้กระทำผิดคดีเมาแล้วขับที่ผ่านโปรแกรมอบรม กรมคุมประพฤติจะเน้นสะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้นรอบด้าน เมื่อพ้นโทษคุมประพฤติไปแล้ว 3 ปี กรมคุมประพฤติจะยังติดตามสำรวจกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งพบสถิติผู้กระทำผิดซ้ำประมาณ 2.68% อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบทลงโทษให้เหมาะสม กรมคุมประพฤติได้รวบรวมข้อมูลสืบเสาะประวัติของผู้กระทำผิดเพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ในกรณีที่ศาลประสานขอทราบข้อมูลก่อนตัดสินคดี ซึ่งกรณีดังกล่าวจะเป็นผลดีในการจำแนกบทลงโทษของผู้กระทำผิดที่ไม่ได้กระทำผิดครั้งแรกต้องรับโทษหนักขึ้น


อธิบดีกรมคุมประพฤติ ยังกล่าวถึงแนวโน้มคดีเมาแล้วขับว่าต้องพิจารณาตั้งแต่ขั้นตอนการจับกุม เพราะจำนวนคดีที่มากขึ้นมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะการกวดขันจับกุมในช่วงนั้น ๆ แต่หากพิจารณาจากสถิติคดีที่ผ่านมา ยอมรับว่ายังมีแนวโน้มสูง ผู้กระทำผิดโดยรวมอายุเกิน 25 ปี โดยในปี 2556 มีคดีเมาแล้วขับ 53,812 คดี ปี 2557 มี 43,505 คดี และปี 2558 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมมี 31,791 คดี สำหรับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการควบคุมตัวแทนการคุมขัง (กำไลข้อเท้า) ส่วนใหญ่ศาลมักสั่งใช้กับผู้กระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ผ่านมาถูกสั่งใช้ไปแล้ว 2,740 คน สั่งถอดเพราะครบกำหนดควบคุมแล้ว 2,107 คน เหลืออยู่ในระบบ 633 คน


 


 


ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ โดยไฟเหลือง [email protected]


 

Shares:
QR Code :
QR Code