เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก หลังมีผู้เสียชีวิตในประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงสาธารณสุข กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดนกร่วมกับปศุสัตว์อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะแนวชายแดนไทย – กัมพูชา หลังมีรายงานมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนก 6 รายในกัมพูชาตั้งแต่ต้นปี 2556
เตือนประชาชน พ่อค้า แม่ค้า อย่านำสัตว์ปีกที่กำลังป่วยหรือตายแล้ว มาชำแหละประกอบอาหาร หรือวางจำหน่าย ขอความร่วมมือหากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรืออาสาสมัครสาธารณสุข
จากกรณีที่องค์การอนามัยโลก รายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดนก ในปี 2556 ตั้งแต่ 1 มกราคม -15 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยไข้หวัดนก 10 ราย เสียชีวิต 7 ราย ใน 3 ประเทศ โดยพบที่ประเทศกัมพูชา 7 ราย เสียชีวิต 6 ราย จีน 2 ราย และอียิปต์ 1 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยที่กัมพูชา พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ และเสียชีวิตจากจังหวัดปอยเปต ตาแก้ว กัมปงจาม และกัมปอต
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดดำเนินการ ซึ่งไทยไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนกติดต่อกันมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว หลังพบรายสุดท้ายเมื่อปี 2549
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีรายงานพบผู้ป่วยและเสียชีวิตในประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาคใกล้เคียง เพื่อความไม่ประมาท จึงต้องเร่งรัดมาตรการทั้งการเฝ้าระวังโรคในสัตว์ปีกและในคน และเตรียมความพร้อมในการควบคุมโรค หากพบสัตว์ปีกหรือคนติดเชื้อ โดยเฉพาะจังหวัดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เช่น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นชายแดนที่ประชาชนทั้ง 2 ประเทศเดินทางไปมา ติดต่อค้าขายระหว่างกัน รวมทั้งอาจมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการที่สถานบริการสาธารณสุขฝั่งไทย จึงขอให้เข้มงวดเป็นกรณีพิเศษ
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ในการเตรียมพร้อมระบบการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดนก ขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้สำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ไว้ทุกแห่ง หากพบผู้ป่วยที่มีอาการน่าสงสัยว่าจะติดเชื้อไข้หวัดนก โดยเฉพาะผู้ที่มีไข้ ไอ หรือมีปัญหาปวดบวม ปอดอักเสบร่วมด้วย ให้ซักประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกอย่างละเอียด เพื่อให้การดูแลตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และเตรียมพร้อมห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในการตรวจยืนยันเชื้อ พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในการป้องกันโรคไข้หวัดนก ให้รับประทานเนื้อสัตว์ปีกรวมทั้งไข่ ที่ผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อน
รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าสัตว์ปีกและประชาชน อย่านำสัตว์ปีกที่กำลังป่วย มีอาการผิดปกติ หรือซากสัตว์ปีก มาชำแหละประกอบอาหาร เนื่องจากหากสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนก อาจทำให้โรคติดสู่คนได้ ขอให้ประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เพื่อทำการส่งตรวจวิเคราะห์เชื้อทางห้องปฏิบัติการ โดยขณะนี้มีทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วหรือเอสอาร์อาร์ที (srrt) ทั่วประเทศกว่า 1,200 ทีม พร้อมลงพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง หากพบหรือได้รับรายงานว่าพบผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นไข้หวัดนก
ด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การป้องกันควบคุมไข้หวัดนก เป็นงานที่ต้องทำควบคู่กันทั้งในคนและในสัตว์อย่างต่อเนื่อง จากการเฝ้าระวังเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกร่วมกับกรมปศุสัตว์พบว่า ไม่มีสัตว์ปีกในไทยติดเชื้อไข้หวัดนกมาตั้งแต่ปี 2550 แต่ได้เฝ้าระวังและจัดระบบเฝ้าระวังในสัตว์ปีก โดยเฉพาะในฟาร์มเลี้ยง จะต้องเลี้ยงระบบปิดและมีปศุสัตว์ประจำทุกฟาร์มหากมีสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ต้องเก็บมูลในลำไส้สัตว์ปีกไปตรวจเพาะเชื้อทุกครั้ง
ส่วนสัตว์ปีกที่เลี้ยงตามบ้านเรือนได้ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.เฝ้าระวังมาโดยตลอด หากพบสัตว์ปีกป่วยตายก็ให้เก็บมูลในลำไส้มาตรวจเช่นกัน สำหรับในคน กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัด โดยเฉพาะในรายที่มีปอดอักเสบรุนแรงให้เก็บตัวอย่างเลือดและเสมหะจากลำคอส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี โรคไข้หวัดนกเป็นโรคติดเชื้อไวรัสจากสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายมาสู่คน โดยเชื้อไวรัสอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และอุจจาระของสัตว์ปีก อาจติดมากับมือและเข้าสู่ร่างกายคนทางจมูกและตา ในการเก็บซากสัตว์ปีก ห้ามจับซากสัตว์ด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือยาง ถ้าไม่มีให้ใช้ถุงพลาสติกหนาๆ สวมมือ เก็บใส่ลงในถุงพลาสติก รัดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปเผาหรือฝัง หากใช้วิธีฝัง ควรราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือโรยปูนขาวก่อนกลบดินให้แน่น รวมถึงอย่าทิ้งซากสัตว์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง
ที่มา : สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข