เฝ้าระวังคุณภาพยาโรคหัวใจและหลอดเลือด

/data/content/24674/cms/e_adeilnrsxz78.jpg

          กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยผลตรวจวิเคราะห์คุณภาพยากลุ่มรักษาโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด พบผิดมาตรฐาน 2 ตัวอย่าง จาก จำนวน 183 ตัวอย่าง

          น.พ.อภิชัย  มงคล  อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  เปิด เผยว่า ยากลุ่มรักษาโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular System Drugs) เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาหัวใจ ยาขับปัสสาวะ ยาละลายลิ่มเลือด ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ยาป้องกันภาวะเลือดไหลไม่หยุด และยาลดไขมันในเส้นเลือด มีทั้งยาที่ผลิตในประเทศและนำเข้า เป็นกลุ่มยาที่มีมูลค่าการใช้สูงขึ้นมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเกิดโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้น และมีอัตราการตายเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

          โดยสำนักยาและวัตถุเสพติด มีบทบาทในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพยาตามมาตรฐานสากลจึงได้สุ่มเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยากลุ่มระบบหัวใจและหลอดเลือดจากโรงพยาบาล ของรัฐทั่วประเทศตามโครงการประกันคุณภาพยาปี 2556 ผลการตรวจสอบคุณภาพยาระบบหัวใจและหลอดเลือด 14 รายการยาตามชื่อสามัญ จำนวน 183 ตัวอย่าง จาก 76 ทะเบียนยาทั้งรูปแบบยารับประทานและยาฉีด โดยเป็นยานำเข้า 62 ตัวอย่าง และยาที่ผลิตในประเทศ 121 ตัวอย่าง ผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ยาทางห้องปฏิบัติการ พบผิดมาตรฐานหัวข้อปริมาณตัวยาสำคัญ โดยพบยาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดผิดมาตรฐาน 2 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 1 ซึ่งเป็นยานำเข้า 1 ตัวอย่าง และยาที่ผลิตในประเทศ 1 ตัวอย่าง

          สำหรับตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยาที่ผิดมาตรฐาน ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้แจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาดำเนินการ ต่อไปแล้ว  สรุปจากผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพพบว่ายาที่ผลิตในประเทศไทยเกือบทั้งหมดมีคุณภาพตาม มาตรฐานสากล ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะดำเนินการเฝ้าระวังคุณภาพยาอย่างต่อเนื่อง  เพื่อสร้างความมั่นใจให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนในการเลือกใช้ยาที่ ผลิตในประเทศ เป็นการเพิ่มมูลค่าการใช้ยาที่ผลิตในประเทศ ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ

          อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติม โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคเรื้อรัง การใช้ยาในกลุ่มนี้จึงจำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง ไม่ควรลดหรือเพิ่มขนาดยาเอง ควบคู่กับการควบคุมอาหารที่มีรสเค็มหรือมีปริมาณโซเดียมสูง เช่น อาหารกระป๋อง อาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป อาหารหมักดอง เครื่องปรุงรส ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น รวมทั้งอาหารหวานและอาหารไขมันสูง งดสูบบุหรี่และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ไตวาย โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด

 

 

          ที่มา : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 

          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code