เผยอายุต่ำ 30 ปีพิษสุราเรื้อรังพุ่ง เตือนภัยทำลายสมอง-คลุ้มคลั่ง
รพ.สวนปรุง ชี้ คนอายุไม่เกิน 30 เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังมากขึ้น เหตุดื่มตั้งแต่อายุน้อย ห่วงทำลายสมอง พบเหตุอาชญากรรมรุนแรงส่วนใหญ่เหล้าเป็นเหตุ แนะรักษาเร็วลดติดซ้ำ ติดหนักควรปรึกษาแพทย์ กันลงแดง คลุ้มคลั่ง ฆ่าตัวตาย
นพ.ปริทรรศ ศิลปกิจ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ควบคุมแอลกอฮอล์ ที่ จ.พะเยา ว่า สถานการณ์ผู้ป่วยที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวด้วยผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเกิดการอาการทางจิต เช่น คลุ้มคลั่ง ประสาทหลอน หรืออาการลงแดง เนื่องจากพิษสุราเรื้อรังนั้น มีอายุน้อยลง จากเดิมที่ผู้ป่วยจะอยู่ในกลุ่มคนอายุมาก 40 ปี ขึ้นไป แต่กลายเป็นพบผู้ป่วยอายุเพียง 20 ปี กลางๆ ก็ป่วยและรักษาตัวด้วยพิษสุราเรื้อรังมากขึ้น เมื่อสืบประวัติ พบว่า ส่วนใหญ่เริ่มดื่มตั้งแต่อายุน้อยหรือในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น และมีอัตราการดื่มที่หนัก ทำให้แสดงอาการเร็ว และยังถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะก่อนอายุ 25 ปี เซลล์สมองยังไม่หยุดการพัฒนา การดื่มตั้งแต่อายุน้อยจึงทำลายเซลล์สมองให้เกิดความเสียหายมาก
นพ.ปริทรรศ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน รพ.สวนปรุง มีผู้ป่วยที่มีสาเหตุมาจากการดื่มและเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในประมาณ 2,000 รายต่อปี และผู้ป่วยนอกอีกจำนวนมาก โดยผู้ป่วยในจะใช้เวลาในการรักษาตัวประมาณ 2-5 สัปดาห์ และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งละ 10,000 บาท ซึ่งคิดเป็นการสูญเสียด้านสุขภาพจำนวนมาก แต่ถือว่าดีกว่าไม่เข้ารับการรักษาและปล่อยให้อาการรุนแรง เพราะจะเป็นเหตุทำให้ก่อความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ เช่น คลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่กลายเป็นเหยื่อจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบว่าสาเหตุของอาชญากรรมที่มีความรุนแรง เช่น ทุบตี ฆ่ากันด้วยวิธีโหดร้าย ส่วนใหญ่จะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุ ไม่ใช่เฉพาะยาเสพติด เพราะการดื่มเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเสพยาเสพติดชนิดอื่น เมื่อประกอบกันทั้งเหล้าและยาเสพติดจึงยิ่งทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงขึ้น
น.พ.ปริทรรศ กล่าวว่า จากการติดตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยพิษสุรา พบว่า ร้อยละ 50 มักจะต้องกลับมารักษาตัวซ้ำ บางรายพบว่าต้องเข้ารับการรักษาถึงกว่า 30 ครั้ง ซึ่งผู้ป่วยด้วยพิษสุราจะคล้ายกับการติดยาเสพติด ที่จะมีโอกาสเสี่ยงในการติดซ้ำ เนื่องจากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม เพื่อน ครอบครัว นอกจากนี้ การเลิกสุราอย่างเฉียบพลันยังทำให้เกิดอาการลงแดงที่จะทำให้ผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง ประสาทหลอนได้ และบางรายยังทำร้ายตนเองจนเสียชีวิต ดังนั้น การจะเลิกดื่ม หากเป็นผู้ที่ดื่มติดต่อกันมาเป็นเวลานาน จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ยาบำบัด รวมทั้งเข้ากระบวนการติดตามอาการด้วย ทั้งนี้ในปัจจุบันมีเครื่องมือในการประเมินอาการติดสุรา โดยกรมสุขภาพจิต ซึ่งทำให้ประเมินผู้ป่วยได้ดีขึ้นและรู้ว่าอยู่ในระยะใดจึงทำให้ได้รับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
“อาการติดเหล้าใกล้เคียงกับอาการของคนติดยาเสพติด การเลิกแบบเฉียบพลันจึงอาจทำให้เกิดอันตรายกับผู้ป่วยเอง นอกจากนี้ ยังพบว่าบางรายดื่มแต่ไม่รู้ตัวหรือไม่ยอมรับว่าตนเองติดเหล้า โดยมักคิดว่าตัวเองดื่มเพื่อสังสรรค์ ไม่ได้ติด แต่เมื่อทำการทดสอบก็กลับพบว่า เป็นอาการของคนติดเหล้าไปแล้ว ซึ่งการติดเหล้าคล้ายกับการป่วยด้วยโรคอื่นๆ ที่หากรู้ตัวเร็ว พบเร็วก็สามารถบำบัดรักษาให้หายได้เร็ว และลดโอกาสเสี่ยงที่จะกลับไปติดเหล้าซ้ำได้” นพ.ปริทรรศ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง