เผยผลการสำรวจหนังสือพบ “การ์ตูน” ยังครองใจเด็ก

แผนสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ร่วมกับโครงการอ่านสร้างสุขในโรงเรียน และภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน สำรวจความต้องการอ่านหนังสือของเด็กในช่วงปิดเทอม พร้อมแนะกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้เด็กได้พัฒนาตนเอง และมีจิตอาสา บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม

เผยผลการสำรวจหนังสือพบ “การ์ตูน” ยังครองใจเด็ก

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2554 ณ สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ร่วมกับ โครงการรณรงค์ให้กรุงเทพมหานครเป็นมหานครแห่งการอ่าน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และโครงการอ่านสร้างสุขในโรงเรียน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ (กศน.) และภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่านในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้จัดแถลงผลการสำรวจหนังสือที่เด็กๆ อยากอ่านและอยากแนะนำให้เพื่อนๆ อ่านในช่วงปิดเทอม ในโครงการ “ปิดเทอมสร้างสรรค์ ชวนอ่านสร้างสุข” 

นางสุดใจ พรหมเกิดนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวว่า เด็กในวัยเรียน เป็นวัยของการก่อร่างบุคลิกภาพและค้นหาอัตลักษณ์ของตัวเอง เสริมสร้างการอ่านในวัยนี้จึงควรเปิดโอกาสให้ได้เลือกหนังสือในกลุ่มที่เขาสนใจ ยิ่งได้รับการแนะนำจากเพื่อนวัยเดียวกัน ความสนใจใกล้เคียงกัน จะช่วยกระตุ้นความสนใจการอ่านได้มาก และผู้ใหญ่ควรหนุนเสริมรูปแบบที่เด็กสนใจ เนื้อหา สร้างเสริมศักยภาพตามวัย และสอดคล้องหน้าต่างแห่งโอกาสของเด็ก เช่น วัย 6-12 ปี เด็กๆ ควรได้รับการบ่มเพาะเรื่องความประหยัด มีวินัย ใฝ่รู้ ส่วนเด็กวัย 12 ปีขึ้นไป ควรได้รับค่านิยมทางเพศและค่านิยมทางสังคมที่ดีงาม

ผลสำรวจที่น่าสนใจในครั้งนี้ พบว่า เด็กวัยเรียนชอบอ่านการ์ตูนเป็นลำดับต้นๆ ทั้งการ์ตูนเพื่อความบันเทิง และการ์ตูนส่งเสริมการเรียนรู้ ความรู้ แม้กระทั่งหนังสือที่อยากได้เป็นของขวัญ ลำดับต้นๆ ก็เป็นการ์ตูนเช่นกัน

นายจรัญ มาลากุล ด้าน นายจรัญ มาลากุล หัวหน้าโครงการอ่านสร้างชาติ มูลนิธิกระจกเงา  กล่าวว่า กิจกรรม “ปั่นสร้างปัญญา” ของโครงการอ่านสร้างชาติ ได้รับการสนับสนุนจากแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. เป็นกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเปิดพื้นที่การอ่าน เพิ่มช่องทางให้ผู้สนใจได้มีส่วนร่วมในการเข้ามาเป็นอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน และเพิ่มรูปแบบการอ่านที่หลากหลาย แก่ผู้ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงหนังสือดี อันเป็นพื้นฐานของความคิดที่ว่า “หนังสือดีคือเครื่องมือพัฒนาคนอย่างไม่ต้องสงสัย” 

สำหรับภารกิจของอาสาสมัคร คือ การปั่นจักรยานเข้าไปในชุมชนเพื่อนำหนังสือ (หนังสือสำหรับเด็กและสำหรับครอบครัว) และร่วมจัดกิจกรรมกับเด็กๆ โดยกิจกรรมที่ทำแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การเล่านิทาน ,อ่าน-วาด, อ่าน-เขียน โดยนำร่องจัดกิจกรรมร่วมกับ 10 ชุมชนแออัด ในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับอาสาสมัครที่สนใจร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อส่งเสริมการอ่านในชุมชนที่ขาดแคลน “ปั่นสร้างปัญญา” ทริปแรก ระยะทาง 4.8 กิโลเมตร สามารถลงชื่อเข้าร่วมได้ที่  02-9414194-5

นางสาวอวยพร กิติเจริญรัตน์ ส่วนนางสาวอวยพร กิติเจริญรัตน์ รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจบริการวิชาการ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  กล่าวว่า โครงการ “รถเข็นนิทานสานความห่วงใย” เป็นโครงการที่โรงพยาบาลเด็กร่วมกับมูลนิธิเด็กส่งมอบความสุขถึงเตียงแก่ผู้ป่วยเด็ก สถาบันฯให้ความสำคัญของการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้และเป็นมิตรกับเด็ก โดยสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านของเด็กไทยที่เริ่มจากผู้ป่วยเด็กในหอผู้ป่วย ซึ่งจะมีรถเข็นนิทานที่ได้รับบริจาคจากมูลนิธิเด็กและมูลนิธิซิเมนต์ไทย มาให้เด็กๆ ได้อ่านหนังสือกัน 

“รถเข็นนิทานได้ผลตอบรับที่ดีมาก ทั้งจากเด็กและผู้ปกครอง ทำให้เด็กมีโอกาสในการพัฒนา แม่จะอุ้มลูกนั่งตักแล้วอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง แม่ลูกคุยกัน ได้สัมผัสความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่กับลูก ทำให้เด็กเพลินเพลินไม่ทรมานกับอาการเจ็บป่วย เราเปิดรับอาสาสมัครมาช่วยเล่านิทาน อ่านหนังสือในช่วงปิดเทอม และขอรับบริจาคหนังสือนิทานดีๆ ด้วย เพื่อตอบสนองผู้ป่วยเด็กวันละเกือบพันคน” นางสาวอวยพร กล่าว

นายพุฒิเมธ นพเก้ารัตนมณีนายพุฒิเมธ นพเก้ารัตนมณี โรงเรียนโพธิสารพิทยากร กล่าวว่า ปัจจุบันทางโรงเรียนของผมก็สนับสนุนเรื่องการอ่านมาโดยตลอด ทั้งด้านสมุดบันทึกการอ่าน มุ่งเน้นให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน โดยสามารถอ่านได้ทุกประเภท ทั้งเพื่อนๆ เลือกสรรและคุณครูแนะนำ เราได้อ่านหนังสือดีๆกันภาคเรียนละ 25 เรื่อง 2 ภาคเรียน รวมเป็น 50 เรื่อง นอกจากนี้โรงเรียนของเราได้จัดกิจกรรมสัปดาห์นักอ่านขึ้นเป็นประจำ เช่น การออกร้านจำหน่ายหนังสือ การตอบคำถามความรู้ทั่วไป เกมส์ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านการอ่าน

“นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่เพื่อนำนิสัยรักการอ่านสู่ชุมชน มีกิจกรรมมอบหนังสือ ณ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม กิจกรรมรักน้องสอนอ่าน ในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ซึ่งเราได้จัดในรูปแบบค่ายนันทนาการ ทำให้เด็กๆได้ทั้งความสนุกสนานและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ ส่วนช่วงปิดเทอมนี้ เพื่อนๆคงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยทีเดียว ผมเองก็อยากเชิญชวนเพื่อนๆ มาร่วมกิจกรรม “ปิดเทอมสร้างสรรค์ ชวนอ่านสร้างสุข” อย่างน้อยเราก็อ่านหนังสือที่เราชอบ ได้ชวนเพื่อนๆมาอ่านด้วยกัน มา like กัน มา share กัน มา add กันสนุกสนาน แถมได้เพื่อนใหม่ครับ” นายพุฒิเมศ กล่าว

ผลการสำรวจในครั้งนี้เป็นการตอบโจทย์ความต้องการในการอ่านหนังสือของน้องๆ เด็กและเยาวชน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการอ่านได้ให้ความสำคัญกับการอ่านของแต่ละช่วงวัย ซึ่งการอ่านนั้นมีความสำคัญต่อพัฒนาการ ความรู้ และพฤติกรรมรวมถึงแรงบันดาลใจของเด็กและเยาวชนเป็นอย่างมาก

 
 
ที่มา: แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
 

Shares:
QR Code :
QR Code