เปิดเส้นทางสีขาว สู่ ‘งานบุญปลอดเหล้า’

          “วัด” เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา และถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไรนัก หากจะปล่อยให้สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เต็มไปด้วยอบายมุขจากการจัดงานบุญประเพณีอย่างที่พบเห็นในปัจจุบัน


/data/content/24791/cms/e_dehilnptyz78.jpg


          “งานบุญประเพณี” ในที่นี้อาจหมายถึงงานบวช งานแต่ง หรืองานศพ และยังรวมไปถึงงานบุญต่างๆ ที่เป็นความเชื่อในแต่ละพื้นที่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะใช้วัดเป็นสถานที่ในการจัดงาน แต่ปัญหาที่พบมากในปัจจุบันกลับเห็นได้ชัดว่า งานบุญเหล่านี้เริ่มกลายเป็นงานรื่นเริงมากเกินไป มีทั้งเหล้า เบียร์ อบายมุขต่างๆ พร้อมสรรพ หนำซ้ำยังมีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่า หากปล่อยค่านิยมเหล่านี้ฝังรากลึกลงไปในจิตสำนึกของคนไทย ไม่ช้าไม่นานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามก็อาจจะลบเลือนหายไปด้วยก็ได้


/data/content/24791/cms/e_bgnopqsu1259.jpg          ครั้งหนึ่ง “มาโนช ผลาเผือก” สถาบันโฆษกสีขาวสุพรรณบุรี ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เคยทำการเก็บข้อมูลของงานบุญในจังหวัดสุพรรณบุรีโดยเน้นไปที่งานบวชและงานศพพบว่า ในแต่ละงานนั้นต้องจ่ายค่าเหล้าไม่ต่ำกว่าสามหมื่นบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่น่าตกใจมาก จึงเกิดความคิดว่า จะทำอย่างไรให้งานบุญประเพณี และวัดนั้นปลอดจากเหล้าและอบายมุข เพื่อเป็นการสืบสานงานบุญอย่างแท้จริง  


          “ในครั้งนั้นเราเริ่มต้นจากการเดินเข้าไปพบเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อขอคำปรึกษาว่าจะใช้อำเภอสองพี่น้องนำร่องในการเป็นอำเภอต้นแบบงานบุญปลอดเหล้า ซึ่งมีวัดอยู่ใต้ปกครองทั้งหมด 59 วัด มีคณะสงฆ์จะแบ่งการปกครองออกเป็น 11  ตำบล และยังมี หลวงพ่อสด หลวงพ่อเนียม ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในอำเภอเป็นฐานความเชื่อที่สำคัญ” มาโนชเล่า


          แกนนำโฆษกสีขาวเล่าต่อว่า หลังจากนั้นจึงได้ไอเดียในการรวบรวม ‘มัคนายก’ จากแต่ละวัด เพื่อมาอบรมให้ความรู้ในการพูดอย่างมืออาชีพ ภายใต้แนวคิด “โฆษกสีขาว มือถือไมค์ขยายเสียงคุมอันตรายเหล้า” พร้อมทั้งสอดแทรก เนื้อหาเกี่ยวกับงานบุญปลอดเหล้าเข้าไป โดยเน้นว่า จะพูดอย่างไรให้เจ้าภาพตระหนักว่าการเลี้ยงเหล้าในงานบุญนั้น เป็นบาป และการดื่มเหล้าในบริเวณวัดก็ถือว่าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ก็เป็นความห่วงใยจากคนในชุมชนเดียวกันว่า “สุขภาพที่เสียไปเพราะเหล้า บุหรี่นั้น ไม่คุ้มค่าเลยสักนิดเดียว”  


          “เราจำเป็นต้องติดอาวุธให้ ‘มัคนายก’ หรือเรียกว่า ‘โฆษก’ เพราะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงมาก โดยให้ความรู้เพื่อให้พวกเขานำไปใช้เป็นเครื่องมือ และนำไปใช้ในการบูรณาการ เพื่อพูดคุยกับญาติโยมในการจัดงานบุญประเพณีต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนั้นยังมีข้อเสนอต่อวัดด้วยว่า ในงานบวชนั้น เมื่อถึงเวลาแห่รอบโบสถ์ให้หยุดเครื่องดนตรีต่างๆ และเปลี่ยนเป็นการสวดมนต์แทน และห้ามไม่ให้มีเหล้าในบริเวณวัดโดยเด็ดขาด” แกนนำโฆษกสีขาวอธิบาย


          นอกจากนี้แกนนำโฆษกสีขาวยังให้คำแนะนำด้วยว่า หากพื้นที่ไหนอยากจะลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้บ้างนั้น เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเอาใจมาวางก่อน ผู้นำต้องมีใจรักในการทำงานด้านนี้ก่อน ต่อมาให้หาแกนนำที่เป็นคอเดียวกัน และสามารถพูดสื่อสารออกไปได้ในวงกว้างได้ สุดท้ายคือการพูดคุยกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ และค่อยๆ ดึงฆราวาสเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน


          “จริงอยู่กฎหมายในเรื่องของการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจจะเอื้อก็จริง แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือ การทำให้คนเกิดความละอายใจต่อบาป ถ้าไม่เร่งมือในการสร้างทัศนคติเรื่องพวกนี้  ต่อไปจะแก้ยากกว่านี้มาก ทุกวันนี้ผมทำงานที่สุพรรณบุรีก็เพื่อหวังจะได้เห็นลูกหลาน และคนใกล้ชิด รวมถึงคนสุพรรณบุรีไม่เป็นเหยื่อเหล้าบุหรี่ และอบายมุขก็เท่านั้นเอง”


          การเคลื่อนภูเขาลูกใหญ่ๆ มันก็ต้องใช้เวลา ฉะนั้นต้องสร้างคนที่มีคุณภาพขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเพื่อมาช่วยกันปรับเปลี่ยนและช่วยขยับภูเขาออกไปด้วยกัน ความสำเร็จก็จะอยู่ตรงหน้าไม่ไกล ถ้าคนทำงานรู้จักอดทน และไม่ถอดใจเสียก่อน 


 


 


          เรื่องโดย ภาวิณี เทพคำราม Team Content www.thaihealth.or.th

Shares:
QR Code :
QR Code