เปิดเทอมนี้ อย่าลืม!! หมวกกันน็อคเจ้าตัวเล็ก

แพทย์จี้ ตร.จับพ่อแม่ไม่สวมหมวกกันน็อคเด็กเล็ก หลังวิจัยพบเด็กบาดเจ็บปีละ 1 แสนราย ตายเกือบ 500 ระบุนั่งซ้อนพ่อไปโรงเรียนตายมากกว่าเด็กซิ่ง แนะวางขายหมวกจิ๋วในป้อมจราจร หากพบทำผิดให้ซื้อหมวกแทนจับปรับ ผบก.จร.เผยสงสารเด็กจับไม่ลง เร่งแก้ ก.ม.จับพ่อแม่แทน เสนอครูเอาจริงสั่งนักเรียนจิ๋วใส่หมวกกันน็อค

เอาผิดพ่อแม่ขี่จยย. ลูกซ้อนไม่สวมหมวกกันน็อค

อุบัติเหตุจราจรได้นำมาสู่ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะปัจจุบัน แม้จะมีกฎหมายให้ผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า มีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ใช้ ส่วนเด็กเล็กกลับถูกละเลยมองข้ามความปลอดภัย
 
น.พ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ น.พ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้จัดการแผนงานความปลอดภัยในเด็ก สสส. คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเด็กอายุ 0-15 ปี ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ปีละ 1 แสนราย โดยบาดเจ็บสาหัสต้องนอนโรงพยาบาลกว่า 1.3 หมื่นราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็ก 0-9 ขวบ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึง 440 คนต่อปี แต่ที่ผ่านมาการรณรงค์ให้เด็กใส่หมวกนิรภัย หรือหมวกกันน็อคไม่ได้ผล จึงอยากให้รัฐบาลกำหนดให้ตำรวจจราจรเอาผิดกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่ไม่สวมหมวกกันน็อคให้เด็กอย่างจริงจัง
 
“ทุกวันนี้ตามท้องถนนจะเห็นพ่อแม่ใส่หมวกกันน็อค แต่ลูกกลับไม่ใส่อะไรเลย น่าแปลกใจมากว่าพ่อแม่คิดอะไร ที่เมืองนอกเด็กต่ำกว่า 15 ปี ห้ามนั่งรถจักรยานยนต์เด็ดขาด จึงอยากให้สวมหมวกกันน็อคให้ลูกเล็ก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงจากการตายได้ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 30 ลดการบาดเจ็บสาหัสที่ศีรษะได้ครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 50 เด็กเล็กมีสัดส่วนความหนักของศีรษะมากกว่าผู้ใหญ่ เวลากระเด็นตกจากรถจักรยานยนต์จะเอาหัวกระแทกพื้น เด็กที่ตายส่วนใหญ่เกิดจากเลือดออกในสมอง สมองบวม ใบหน้ายุบ กระดูกต้นคอหัก ถ้าใส่หมวกกันน็อคสักหน่อยเด็กจะไม่ตายแค่บาดเจ็บ” น.พ.อดิศักดิ์ กล่าว
 
ที่ผ่านมา น.พ.อดิศักดิ์ ได้ร่วมกับทีมนักวิจัยเด็กกับความปลอดภัย ภายใต้โครงการเด็ก เยาวชน และครอบครัว ของมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ รณรงค์ให้ผู้ปกครองใส่หมวกกันน็อคให้เด็กน้อย แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจาก 4 สาเหตุหลักคือ รัฐบาลเพิกเฉยต่อปัญหา ไม่มีนโยบายป้องกันอย่างจริงจัง, ตำรวจจราจรไม่เอาจริงในการจับเด็กเล็กที่ไม่สวมหมวกกันน็อค เน้นจับผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งที่กฎหมายจราจรกำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องใส่ทุกคน, พ่อแม่ไม่ตระหนักถึงอันตรายของลูก, ครูและโรงเรียนยังไม่ให้ความร่วมมือเต็มที่
 
“การไม่ใส่หมวกกันน็อคให้เด็กเล็กถือเป็นการทารุณกรรมเด็กทางอ้อม เป็นการทำผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาตรา 26 ข้อ 2 ฐานละเลยสิ่งที่จำเป็นต่อการป้องกันอันตรายเด็ก ตอนนี้ผู้ปกครองที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคให้เด็กได้ทำผิดกฎหมาย 2 ข้อคือ กฎหมายจราจรและกฎหมายคุ้มครองเด็ก แต่ละปีมีเด็ก 1 แสนคนได้รับบาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ ตำรวจจราจรต้องจี้ตักเตือนและเอาผิดอย่างจริงจัง แม้แต่ลูกสาวอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ยังรณรงค์แจกหมวกกันน็อคให้เด็กในเวียดนาม” น.พ.อดิศักดิ์ กล่าว
 
สำหรับปัญหาการไม่มีที่วางขายหมวกนิรภัยสำหรับเด็กนั้น น.พ.อดิศักดิ์ อธิบายว่า เนื่องจากต่างประเทศห้ามเด็กเล็กขี่รถจักรยานยนต์อย่างเด็ดขาด จึงไม่มีการผลิตหมวกกันน็อคเด็ก ดังนั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วศูนย์วิจัยจึงออกแบบขึ้นมาใหม่ แบ่งเป็น 3 ขนาดคือ สำหรับเด็ก 2-5 ขวบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 500 มิลลิเมตร สำหรับเด็ก 6-9 ขวบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 530-540 มิลลิเมตร และสำหรับเด็กโตอายุ 10-15 ขวบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 570-580 มิลลิเมตร ราคาประมาณ 200 บาท ขณะนี้มีบริษัทเอกชนบางแห่งขอตัวอย่างไปผลิตขายแล้ว หากบริษัทใดต้องการก็มาขอแบบได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยติดต่อผ่านศูนย์วิจัยเบอร์โทรศัพท์ 0-2201-2382
 
น.พ.อดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ถ้าหากเป็นไปได้อยากขอความร่วมมือให้ป้อมตำรวจจราจรทุกแห่งวางขายหมวกกันน็อคเด็ก เมื่อพบเห็นผู้ปกครองที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคให้เด็ก ก็ไม่ต้องปรับเงิน แต่เปลี่ยนเป็นขอร้องให้ซื้อหมวกกันน็อคเด็กเลย เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่า รวมถึงโรงพยาบาลทุกแห่งก็ควรมีวางจำหน่ายด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ปกครอง
 
พ.ญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ ด้าน พ.ญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ ผู้จัดการโครงการให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ “รักและห่วงใย…ใส่หมวกนิรภัยให้น้อง” สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัญหาผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนกำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ซึ่งมียอดสูงถึงร้อยละ 70 ของอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด ทั้งนี้สถิติเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่เสียชีวิต ไม่ใช่เด็กที่อยู่ในกลุ่มรถซิ่ง แต่เป็นเด็กนักเรียนธรรมดาที่ขี่รถจักรยานยนต์ หรือซ้อนรถผู้ปกครองไปโรงเรียน หรือไปซื้อของ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการไม่สวมหมวกกันน็อคและเมาสุรา
 
ข้อมูลจากโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ 2546 ระบุว่า มีเด็กที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจากรถจักรยานยนต์สูงถึง 1.2 หมื่นคน เฉลี่ยชั่วโมงละ 1.4 คน ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่หัว 5,148 คน เฉลี่ยวันละ 14 คน ตายวันละ 1.5 คน หรือ 4 เท่าของโรคไข้เลือดออก
 
พ.ญ.ชไมพันธุ์ ระบุว่า สาเหตุที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ยอมซื้อหมวกกันน็อคให้เด็ก เพราะไม่เล็งเห็นความสำคัญของหมวกกันน็อค มักจะคิดว่าไปใกล้ๆ ขับไม่เร็วคงไม่เป็นไร และราคาของหมวกเด็กมีราคาสูงพอกับของผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กคนหนึ่งต้องเปลี่ยนหมวกกันน็อคถึง 3 ใบ ตามช่วงอายุ คือ 3-5 ขวบ 6-14 ปี และ 15 ปีขึ้นไป ทำให้ค่าใช้จ่ายตกแล้วเกือบ 1,000 บาท แต่ถ้าเทียบกับความปลอดภัยของลูกหลานแล้วแค่นี้ถือว่าคุ้มมาก
 
หัวหน้าโครงการ กล่าวต่อว่า ทางโครงการได้รณรงค์เรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2545 แต่ก็ยังไม่ได้ผล ที่ผ่านมาได้รณรงค์และแจกหมวกกันน็อคสำหรับเด็กอายุ 3-4 ขวบ ไป 1.5 หมื่นใบ ใน 15 จังหวัดนำร่อง แต่ผลสำรวจที่ออกมาพบว่า หมวกที่แจกให้เด็กไปก็หายเข้ากลีบเมฆ เด็กไม่ได้นำมาใช้เลย อยากขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง ตำรวจ และครู ช่วยกันรณรงค์ปลูกฝังความคิดให้กับเด็กแต่เล็กๆ เมื่อโตขึ้นเด็กเหล่านี้จะติดพฤติกรรมการสวมหมวกไปด้วย
 
“แม้เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป สวมหมวกกันน็อคก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย ทางที่ดีที่สุดในการป้องกันอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ไม่ควรนำเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ขวบซ้อนท้าย หรืออายุไม่ถึง 15 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดพ่อแม่มักจะภูมิใจว่า ลูกอายุเพียง 6-7 ขวบ ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ ทั้งที่ขายังไม่ถึงพื้น บางรายถึงกับซื้อรถให้ลูกขับขี่ไปโรงเรียน เป็นเรื่องที่ผิดมาก หารู้ไม่ว่าเป็นการซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกในการตายให้กับลูก” พ.ญ.ชไมพันธุ์ กล่าว
 
พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ขณะที่ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) ยอมรับว่า ตามกฎหมายจราจรแล้วสามารถจับเด็กเล็กที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคได้ ที่ผ่านมาตำรวจจราจรไม่จับเด็กเพราะทำไม่ลง แต่ก็จับพ่อแม่ไม่ได้ เนื่องจากเป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่เหมือนกฎหมายรถยนต์ที่เอาผิดคนขับได้ ถ้าคนนั่งข้างไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีการเสนอร่างกฎหมายเอาผิดผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ หากผู้นั่งซ้อนไม่สวมหมวกนิรภัย โดยร่างกฎหมายฉบับนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณา ส่วนตัวแล้วอยากให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อเอาผิดกับพ่อแม่ที่ละเลยความปลอดภัยของลูก
 
ส่วนเรื่องที่นักวิจัยเสนอให้มีการวางขายหมวกนิรภัยที่ป้อมจราจรนั้น ผบก.จร. กล่าวว่า อยากเสนอให้วางขายที่หน้าโรงเรียนเด็กเล็กมากกว่า โรงเรียนสนับสนุนให้เด็กเล็กเห็นความสำคัญ หรือครูสั่งให้เด็กเล็กต้องใส่ เชื่อว่าพ่อแม่ก็ต้องตามใจลูก นอกจากนี้ยังอยากให้กลุ่มรณรงค์แจกหมวกนิรภัยให้คนจนด้วย แม้จะมีราคาแค่ 200 บาท เพราะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ บางคนอาจอยากให้ลูกใส่แต่ไม่มีเงินซื้อก็ได้

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

Shares:
QR Code :
QR Code