เปิดผลสำรวจผู้หญิงเกินครึ่งละเลยสุขภาพ

เปิดผลสำรวจ 70% “สุขภาพ” – “คุณภาพชีวิต” คนในครอบครัวขึ้นอยู่กับ “ผู้หญิง” ขณะที่ “ผู้หญิง” เกินครึ่งละเลยปัญหาสุขภาพ “42.6%-67.5%” ไม่เคยตรวจมะเร็งเต้านม-ปากมดลูก ที่สำคัญ ทำงานเต็มเวลาทั้งนอกบ้านในบ้าน วอนสังคมให้ความสำคัญการสร้างเสริมศักยภาพ-คุณภาพชีวิตของผู้หญิง


เปิดผลสำรวจ 70% “สุขภาพ” – “คุณภาพชีวิต” คนในครอบครัวขึ้นอยู่กับ “ผู้หญิง”


เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ลานกิจกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้มีเสวนา “ผู้หญิง..หัวใจสุขภาพของสังคม” โดย รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผอ.สำนักรณรงค์และสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคม สสส.กล่าวว่า สังคมมักมองว่า ผู้หญิงเป็นแม่ได้โดยธรรมชาติ การพัฒนาคุณภาพชีวิตจึงเป็นสิ่งที่ขาดหายไป ทั้งที่งานวิจัยจำนวนมากระบุว่า คุณภาพของเด็กที่ดีเริ่มจากคุณภาพของผู้หญิงและแม่ จากผลการวิจัย เรื่อง “ผู้หญิง…หัวใจสุขภาพของสังคม” โดยสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในเพศหญิงที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ใน กทม.และปริมณฑล 1,029 คน ระหว่างวันที่ 31 ก.ค. – 1 ส.ค. 2555 เพื่อสะท้อนบทบาทของสตรีและแม่ในการจัดการสุขภาพของตนเองและครอบครัว โดยกลุ่มตัวอย่าง สมรสและมีบุตร 53% โสด  25.9%


รศ.ดร.วิลาสินี กล่าวว่า เมื่อสำรวจเรื่องความรับผิดชอบในการดูแลสมาชิกในครอบครัว พบว่า ผู้หญิงต้องดูแลลูกเป็นหลัก 42.1% และดูแลคนชรา 16% ในเรื่องการทำงานนอกบ้าน พบว่า ผู้หญิงต้องทำงาน 75% แบ่งเป็นนอกบ้านเต็มเวลา 50.9% และทำงานนอกบ้านบางช่วงเวลา 14.9% ในเรื่องการดูแลอาหารให้สมาชิกในครอบครัว พบว่า 71.8% ประกอบอาหารเอง ในขณะที่คำตอบว่ามีผู้อื่นดูแล ได้แก่ แม่ 56.8%  สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่มีบุตรจะให้ความสำคัญเรื่องโภชนาการของลูก 74.2% และพยายามเสาะหาข้อมูลโภชนาการที่เหมาะสม 58.1% โดยรวมแล้ว 68.7% ของผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว


“จะเห็นว่าบทบาทและภาระในการดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว ฝากไว้กับผู้หญิง แต่สังคมมักมองเรื่องนี้ด้วยความเคยชินว่า เป็นหน้าที่ที่ติดตัวมากับความเป็นหญิง จึงมักไม่ได้ใส่ใจที่จะหาทางช่วยเหลือและส่งเสริมให้ผู้หญิงมีศักยภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่นเมื่อมาดูเรื่องความสนใจในการดูแลสุขภาพตัวเอง กลับพบว่า ผู้หญิง 49.6% ไม่เคยตรวจมะเร็งเต้านม 42.6% ไม่เคยตรวจมะเร็งปากมดลูกเลย 67.5% ไม่เคยตรวจสุขภาพเลย 26.1% ไม่เคยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเลย 54.8% ในเรื่องการคุมกำเนิด 54.8 % ไม่เคยใส่ใจและไม่เคยขอให้คู่ครองคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัย และ 71.4% ไม่เคยปั๊มนมให้ลูกจากที่ทำงานเลย  ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ผู้หญิงต้องอดทนเพื่อลูก และเห็นด้วยว่าผู้ชายควรแบ่งเบาภาระเรื่องงานบ้านด้วย ซึ่งครอบครัวและสังคมจำเป็นต้องปรับโครงสร้างเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้หญิงให้ดีขึ้น” รศ.ดร.วิลาสินี กล่าว


พญ.พรรณพิมล วิปุลากร ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูลและจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กล่าวว่า การสร้างคุณภาพชีวิตของผู้หญิง ต้องเริ่มจากการสร้างสมดุลทั้งเรื่องงานและครอบครัว โดยสังคมและครอบครัวสามารถช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยการทำความเข้าใจ สื่อสาร สนับสนุน และส่งเสริมผู้หญิง เริ่มจากพื้นฐานความเข้าใจว่า ทั้งการทำงานและครอบครัว ถือเป็นการสร้างผลผลิตทางสังคมหากทั้งสองมิติเกื้อกูลกันก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้หญิงและสังคมดีขึ้น เพราะผู้หญิงจะสามารถจัดการดูแลทั้งตัวเองและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม คนในครอบครัวมีส่วนสำคัญมากประกอบกับหากสังคมการทำงานเอื้อให้ผู้หญิงสามารถรับผิดชอบครอบครัวไปพร้อมกัน ได้ เช่น มีพื้นที่สำหรับเลี้ยง หรือ ห้องปั๊มน้ำนม หรือกิจกรรมสำหรับครอบครัว ก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นด้วย


คุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต โครงการปลุกสังคมด้วยหัวใจแม่ หัวใจโพธิสัตว์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ทุกชีวิตมีค่าอยู่ที่การกระทำ ไม่ว่าจะเกิดเป็นหญิงหรือชาย โดยเฉพาะเพศหญิงควรใช้โอกาสที่ปลุกหัวใจเพศหญิงขึ้นมา ให้เป็นมนุษย์ที่แท้จริง อย่าเป็นเหยื่อทางอารมณ์ แต่ให้เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสูง ความเป็นแม่ต้องเริ่มต้นจาก “หัวใจเป็นแม่” และ “หัวใจเป็นโพธิสัตว์” พร้อมที่จะเกื้อกูลสรรพสิ่งทุกชีวิต ที่รายล้อมตัวเรา ซึ่งจะทำให้โลกใบนี้เป็นสุขและน่า อย่างไรก็ตาม การพัฒนาจิตวิญญาณของผู้หญิง ก็คือ การทำให้ดีขึ้น ทำให้เจริญขึ้น ซึ่งหมายความว่า ควรจะต้องมีการพัฒนาจิตใจตนเองให้อยู่ในวิถีชีวิต ให้เป็นกิจวัตร ซึ่งต้องเริ่มฝึกฝนขึ้นจากครอบครัว และควรทำให้บ้านเป็นห้องเรียนห้องแรกของการฝึกให้เด็กเจริญเติบโต สามารถอยู่บนโลกได้อย่างอาจหาญ


นายโสภณ ฉิมจินดา กล่าวว่า ตนคิดว่า แม่เป็นผู้มีพระคุณสูงสุดในชีวิตของเรา เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ท่านก็ยังอยู่ดูแลเรา ไม่เพียงเท่านั้น ตนยังคิดว่า ครอบครัว เป็นแรงขับให้เรามุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ที่ตนต้องฝ่าฟันกับเรื่องธุรกิจครอบครัวล้มละลาย และยังจะต้องมาประสบอุบัติเหตุจนร่ายกายพิการเมื่อ 9 ปีก่อน จนไม่เหลือแม้กระทั่งต้นทุนชีวิต แต่ถึงวันนี้ ครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ เป็นแรงยึดเหนี่ยวใจของตัวเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างสง่างาม ทั้งยังประคับประคองทั้งร่ายกายและจิตใจของลูกๆ ให้ยืนหยัดกับชีวิตให้ได้เหมือนคนปกติ ทั้งนี้ เนื่องในวันที่ 12 ส.ค. เป็นวันแม่แห่งชาติ อยากฝากให้ลูกๆ ทุกคน นึกถึงพระคุณของบุพการี โดยเฉพาะอยากฝากว่าทุกวินาทีในการดำเนินชีวิตของคนเราไม่แน่นอน เมื่อเรามีเวลาที่เหลืออยู่ ก็ควรจะปฏิบัติต่อแม่ให้ดีที่สุด หากวันใดวันหนึ่งที่ไม่เหลือท่านแล้ว ก็จะได้ไม่มาเสียใจในภายหลัง


 


 


ที่มา : สำนักข่าว สสส.

Shares:
QR Code :
QR Code