เปิดตัว “ไทยไร้ควัน” แอปฯ เลิกบุหรี่แรกของไทย
สสส.ร่วมเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพฯ เปิดตัวแอปพลิเคชั่น "ไทยไร้ควัน" แอปฯ ช่วยเลิกบุหรี่แรกของไทย เพิ่มช่องทางเข้าถึงบริการเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง หลังสำรวจพบสิงห์อมควันอยากเลิกบุหรี่กว่า 6 ล้านคน แต่ระบบบริการไม่เพียงพอ เผยคนสูบหนักเกือบ 20 ปีสามารถเลิกได้เด็ดขาด
แฟ้มภาพ
วันนี้ (9 ก.พ.) ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเปิดตัวแอปพลิเคชั่น “ไทยไร้ควัน” แอปพลิเคชั่นช่วยเลิกบุหรี่แรกของประเทศไทย ว่า ประเทศไทยมีผู้สูบบุหรี่มากกว่า 10 ล้านคน เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละ 50,000 กว่าคน ซึ่งประเทศไทยตั้งเป้าที่จะลดอัตราการสูบบุหรี่ลงร้อยละ 30 ภายในอีก 30 ปีข้างหน้าเช่นเดียวกับระดับโลก คือ ต้องลดให้ได้ประมาณ 4 ล้านคน สิ่งสำคัญที่สุดในการลดจำนวนคนสูบบุหรี่คือ การบำบัดให้คนที่ติดบุหรี่สามารถเลิกสูบได้ โดยปัจจุบันประชาชนใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว สสส. จึงมีแนวคิดพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อสนับสนุนการให้บริการเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มวัย เป็นทางเลือกให้กับประชาชนและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการเลิกบุหรี่มากขึ้น ถือเป็นแอปพลิเคชั่นเลิกบุหรี่แรกของประเทศ
ผศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา รองผู้จัดการโครงการพัฒนาบุคลากรแกนนำและโครงข่ายบริการเลิกเสพยาสูบระดับชาติ สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้สูบบุหรี่ 12 ล้านคน จากการสำรวจเมื่อปี 2557 พบว่า มีผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ประมาณ 6 ล้านคน แต่ยังมีช่องว่างของระบบการให้บริการอยู่ที่ไม่เพียงพอ โดยสายด่วนช่วยเลิกบุหรี่ 1600 สามารถให้บริการได้ 5 หมื่นสายต่อเดือน อัตราการช่วยให้เลิกบุหรี่ได้นานเกิน 6 เดือนสำเร็จ 40% และคลินิกฟ้าใส มีเพียง 340 แห่ง ให้บริการได้ปีละหมื่นราย อัตราการเลิกบุหรี่สำเร็จ 38% ประกอบกับช่วงที่ไปต่างประเทศพบว่าองค์การอนามัยโลกมีการใช้แอปพลิเคชั่นในการแจ้งเตือนกระทรวงสาธารณสุขเมื่อพบผู้ป่วยอีโบลารายใหม่ จึงเป็นที่มาของแนวคิดการพัฒนาแอปพลิเคชั่น “ไทยไร้ควัน” เพื่อสนับสนุนการเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง ภายใต้คอนเซ็ปต์คือ "ชี้นำทาง สร้างกำลังใจ ให้ความช่วยเหลือ" ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยต่างประเทศพบว่ามีการทำแอปพลิเคชั่นเช่นเดียวกันนี้ แต่ต้องซื้อ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนไทยซื้อมาใช้ในการช่วยเลิกบุหรี่แต่ติดปัญหาเรื่องของภาษา
"แอปฯ ดังกล่าวดาวน์โหลดได้ฟรีในระบบปฏิบัติ Android และ IOS สำหรับการใช้งานแอปฯ หลังจากดาวน์โหลดแล้วจะให้ลงทะเบียน ซึ่งสามารถล็อกอินผ่านเฟซบุ๊กได้ โดยช่วงแรกจะให้มีการบันทึกข้อมูลว่ามีการสูบบุหรี่มากเพียงใด สูบมาเป็นระยะเวลาเท่าไร สูบยี่ห้อใด เป็นต้น ซึ่งแอปฯ จะคำนวณให้อัตโนมัติว่า ขณะนี้ผู้ใช้แอปฯ ต้องเสียเงินไปกับการสูบบุหรี่มากเท่าไร อายุสั้นจากการสูบบุหรี่ลงไปเท่าไร โดยคำนวณจากการสูบบุหรี่ 1 มวน ทำให้อายุสั้นลงไป 7 นาที หลังจากนั้นจะเข้าสู่เมนูการใช้งาน หลักคือไดอารี ซึ่งสามารถทำเป็นตารางได้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่ในกี่วัน และให้มีการบันทึกว่าวันนี้เราสูบบุหรี่หรือไม่" ผศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว
ผศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า แอปฯ จะมีการให้ข้อความกำลังใจและคำแนะนำในการเลิกบุหรี่ รวมถึงมีการส่งข้อความเตือนความจำว่ายังอยู่ในช่วงเลิกบุหรี่ เมื่อเราเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่เคยชอบสูบบุหรี่ เช่น บ้าน หรือช่วงเวลาที่ชอบสูบบุหรี่ เช่น หลังรับประทานอาหาร และจะมีเมนู "พร้อมลงมือ" ที่จะบอกเทคนิควิธีการต่างๆ ในการช่วยเลิกบุหรี่ เรียกว่าเป็นการชี้นำทาง นอกจากนี้ ยังมีเมนู "ลั่นวาจา" โดยสามารถถ่ายรูปเซลฟีหรือถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อแชร์ไปยังเฟซบุ๊กให้เพื่อนและครอบครัวได้รับรู้ถึงความตั้งใจในการเลิกบุหรี่และขอกำลังใจได้ เรียกว่าเป็นส่วนของการสร้างกำลังใจ และหากไม่สามารถเลิกบุหรี่ด้วยตัวเองได้ก็จะมีเมนู "Quickline" ต่อไปยังสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 หรือค้นหาคลินิกฟ้าใสที่ใกล้ที่สุดผ่านจีพีเอส และสามารถโทรศัพท์เข้าไปขอรับบริการได้ เรียกว่าเป็นส่วนของให้ความช่วยเหลือ
นายเกรียงไกร ศรียงยศ อายุ 39 ปี ผู้สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ด้วยการใช้แอปพลิเคชั่น "ไทยไร้ควัน" กล่าวว่า ตนสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 20 ปี เฉลี่ยวันละ 1 ซอง จนเมื่อปี 2558 พบว่ามีปัญหาสุขภาพ ทั้งความดันโลหิตสูง เหนื่อยง่าย จึงตัดสินใจที่จะเลิกสูบบุหรี่ โดยตอนแรกขอเข้ารับการบำบัดผ่านคลินิกฟ้าใส ซึ่งก็สามารถช่วยลดปริมาณการสูบลงไปได้ เช่น เหลือวันละ 10 มวน 5 มวน ยังไม่ถึงกับเลิกขาด ซึ่งเมื่อช่วงใกล้ปีใหม่ 2559 เจ้าหน้าที่คลินิกฟ้าใสก็แนะนำให้ลองใช้แอปฯ "ไทยไร้ควัน" ในการช่วยเลิกบุหรี่ดู ก็ตั้งใจว่าจะเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ ก็ตัดสินใจใช้แอปฯ นี้ ตอนแรกที่ลงทะเบียนพบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของเราทำให้เราอายุสั้นลงไปถึง 354 วัน สูญเงินไปกว่า 2 แสนบาท จากนั้นก็เริ่มบันทึกไดอารีการสูบบุหรี่ ช่วงแรกก็ยังมีการสูบอยู่บ้าง เพราะพอไม่สูบแล้วจะหงุดหงิด หิวบ่อย แต่ก็ตั้งใจว่าจะเลิกให้ได้ เพราะอยากมีสุขภาพที่ดี ไม่อยากให้ลูกเป็นอย่างเราสุดท้ายก็สามารถเลิกได้โดยเด็ดขาดมาประมาณเดือนกว่าๆ แล้ว
ที่มา: MGR Online