เปลี่ยนลานวัด 800 แห่งเป็นลานเล่น
ใกล้ชิดพระศาสนาในวันอาทิตย์
“ไหนใครอยากเรียนหนังสือเก่ง ยกมือขึ้น เอ้าเริ่มทำท่าตามพระอาจารย์ วิธีเรียนหนังสือให้เก่ง ต้องทำดังนี้ ตาดู หูฟัง สมองคิด จิตจดจ่อ สงสัยให้ถาม ติดตามทบทวนอยู่เสมอ” พระประสงค์ ปริปุณโณอดีตเจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก และพระธรรมทูตทั้งสายสหรัฐอเมริกาและยุโรป แสดงวิธีการสอนธรรมะอย่างง่ายเพื่อให้เด็กนักเรียนวัยประถมในย่านวันบางปลากด ในงานเปิดกิจกรรม”เรียนรู้บนลานวัด จำนวน 800 วัดทั่วประเทศ” ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ณ วัดบางปลากดคลอง 14 จ.ปทุมธานี ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่ผ่านมา
วัดบางปลากด วัดขนาดเล็กย่านชานเมือง มีพระจำพรรษาอยู่ประมาณ 4-5 รูป ได้เข้าร่วมในโครงการ เปิดวัดวันอาทิตย์ ใกล้ชิดพระศาสนา ของ สสส.เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้ในวันอาทิตย์รวมทั้งเป็นพื้นที่เยียวยาจิตใจในสภาวะความขัดแย้งในสังคม
บุญจันทร์ บัวหุ่ง เลขานุการโครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน สสส.บอกว่าวัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือต้องการเชิญชวนให้เขาเข้าวัดในวันอาทิตย์โดยเน้นไปที่ 3 กลุ่มด้วยกัน ลำดับแรกคือเด็กเยาวชน เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาเด็กติดเกมและป้องกันเด็กเดินออกนอกลู่นอกทาง และประชาชนทั่วไปที่มีข้ออ้างว่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่มีกิจกรรมอะไรทำจนต้องไปดื่มเหล้าให้หันมาเข้าวัด กลุ่มสุดท้าย ผู้สูงอายุบางคนอยู่คนเดียวเหงาอยู่บ้านได้เข้าวัดมาพบปะพูดคุยสนทนาธรรมกับพระ
สำหรับโครงการนี้ได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยเลือกวัดที่มีพระนักพัฒนาและเจ้าอาวาสพร้อมให้ความร่วมมือในเขตภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ยกเว้นภาคกลางเพราะจะนำต้นแบบและนวัตกรรมใหม่ของวัดจาก 800 แห่ง มาปรับใช้ต่อไปโดยเลือกวัดจังหวัดละ 40 แห่ง ซึ่งแต่ละจังหวัดมีวัดเฉลี่ย1,000 แห่ง มาทำข้อตกลงร่วมกันในการทำกิจกรรมโดย สสส.ได้ให้งบประมาณสนับสนุนวัดละ 30,000 บาท ให้คณะกรรมการวัดช่วยกันคิดกิจกรรมเพื่อดึงให้คนเข้าวัด
ยกตัวอย่างวัดที่ประสบความสำเร็จ”วัดลอยเคราะห์” ในจ.เชียงใหม่ วัดนี้อยู่ท่ามกลางแวดล้อมร้านเหล้า และสถานบันเทิงบริเวณไม่ไกลจากถนนท่าแพ แต่ในวันเสาร์อาทิตย์มีการสอนภาษาล้านนาซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาร่วมกิจกรรมได้สอนวาดภาพ ผลงานนักเรียนที่อยู่ในวัดนำมาขายให้นักท่องเที่ยวย่านนั้นได้ด้วย รวมทั้งเปิดการฝึกอาชีพฟรี
“ตั้งเป้าว่าหลังเปิดโครงการจะดึงคนไทยเข้าวัดได้ 800,000 คน เฉลี่ยวัดละ 30 คน แต่หลังจากเริ่มโครงการวัดบางแห่งมีคนเข้ามาวันเสาร์อาทิตย์ 200 คน กลุ่มคนที่มากสุดคือกลุ่มเด็ก 60 เปอร์เซ็นต์”
เลขานุการโครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน สสส.ระบุ
พระสงบ ธรรมะสันติโก เจ้าอาวาสวัดบางปลากดเล่าว่ากิจกรรมเข้าวัดในวันอาทิตย์ในวัดบางปลากดนั้นจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าประมาณ 08.30 น. โมงเช้าเริ่มด้วยการตักบาตรครอบครัว หลังพระฉันอาหารเช้าเสร็จ จะมีการสวดมนต์จากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย จากนั้นนั่งสมาธิฝึกจิตให้สงบ และจะมีกิจกรรมธรรมะ “กลับตาลปัตร”เล่านิทานธรรมะโดยใช้วิธีวาดตัวการ์ตูนลงบนตาลปัตรอีกด้านหรือการให้เด็กอ่านหนังสือการ์ตูนธรรมะอ่านจบแล้วมาเล่าให้พระฟังจะมีของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เด็ก เป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้
พระประสงค์ เล่าถึงตัวอย่างของนิทานกลับตาลปัตรว่ามีเรื่อง วัวกับหมู เป็นเรื่องที่หมูมาร้องขอความเป็นธรรมว่าตัวเองมีประโยชน์มากกว่าวัว ไฉนเลยมนุษย์จึงเชิดชูวัวนัก หมูอ้างว่าตัวเองมีประโยชน์กับมนุษย์มากมายทั้งให้เนื้อ กระดูก หนัง เครื่องใน เป็นอาหาร หางยังเอาไปทำเป็นพู่กันวาดรูป ไม่ได้มีประโยชน์น้อยกว่าวัวสักนิด แต่ต่างกับวัวตรงที่ว่าเมื่อหมูตายจึงจะสร้างประโยชน์ แต่กับวัวเมื่อมีชีวิตอยู่ยังไถนา เป็นพาหนะเทียบกับคนจะทำความดีต้องทำตอนมีชีวิตคนจึงจะเห็นคุณค่า
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมชงชาสนทนาธรรมกลอุบายในการสอนเรื่องสติตามวิถีเซน โดยใช้วิธีการชงชาเป็นเครื่องมือโดยพระจะชงชาให้ญาติโยมที่เข้ามาในวัดหรือคนที่มาถวายสังฆทานที่วัดนี้ได้ดื่มหลังจบพิธีโดยเลือกชาชั้นดีชนิดต่าง ๆ เช่น อู่หลง ชาซีลอน เป็นต้น แล้วเปรียบเทียบให้ฟังว่าถ้ามีสติในการชงชาทำให้ชามีรสชาติดี ชาแต่ละชนิดใช้วิธีหมักแต่ละวิธีต่างกัน บริโภคเพียงแค่ครั้งเดียวต่อวันจะเป็นการดีหรือหมักชาผิดไปเพียงหนึ่งวินาทีทำให้รสชาติของชาผิดเพี้ยนไป มีโทษต่อร่างกายก่อให้เกิดปัญหาท้องอืด ท้องผูก หรือนอนไม่หลับตามมา ชีวิตก็เช่นกันต้องใช้อย่างมีสติ จากนั้นจะพาญาติโยมเดินชมรอบวัดสอนให้เห็นเรื่องของความสันโดษ เพราะวัดนี้ไม่มีอาคารสถานที่ใหญ่โต ไม่มีเมรุเผาศพ มีศาลาเล็ก ๆ และกุฏิเป็นห้อง ๆ พอเป็นที่ทำกิจของสงฆ์เท่านั้น
สำหรับเด็ก ๆ แล้วยังมีการสอนปั้นตุ๊กตาจากแป้งขนมปังโดยสอดแทรกธรรมะโดยจะมี พระวสันต์ ธัมมสันโตช่วยสอนเด็กปั้นตุ๊กตาแป้งขนมปัง พระอาจารย์วสันต์ เล่าว่าจะฝึกตั้งแต่ให้เด็กนวดแป้งขนมปังซึ่งเป็นกลอุบายในการฝึกสมาธิ แล้วมาสอนปั้นอย่างง่าย เช่น การปั้นหน้าเด็กที่มีทั้งหน้าตายิ้มแย้มและบึ้งตึงอยู่บนหน้าเดียวกัน พร้อมกับสอนว่าถ้าเด็กทำการบ้านหน้าตาจะยิ้มแย้ม หากไม่ทำการบ้านหน้าตาจะเศร้าอย่างที่เห็น เป็นการสอดแทรกให้เข้าใจถึงความขยันหมั่นเพียร
ทั้งนี้หากผู้ปกครองสนใจพาบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้บนลานวัดใกล้บ้าน สามารถตรวจสอบข้อมูลและกิจกรรมที่น่าสนใจที่เว็บไซต์ สสส.www.thailandheath.or.th/temple
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
update: 02-08-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ