เปลี่ยนค่านิยม ‘สงสาร’ เป็น ‘ให้โอกาส’ คนพิการ
สสส. จับมือจุฬาฯ ภาคีการอ่าน และ กทม.จัดงานเปิดโลกงานเขียนของคนพิการ วิจัยพบงานเขียนคนพิการ ขัดแย้งกับทัศนคติ คนในสังคมขาดความเข้าใจมองคนพิการเป็นคนชายขอบ วอนเปลี่ยนค่านิยม “สงสาร” เป็นให้ “โอกาส” สร้างพลังเห็นคุณค่าตัวเอง ด้าน กทม.พร้อมรับลูกผุดห้องสมุดเพื่อคนพิการ
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ทพ. กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ร่วมกับคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภาคีเครือข่าย จัดงานสุนทรียเสวนาปรัชญาการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการผ่านหนังสือสู่โลกกว้าง “หนังสือของคนพิการเพื่อทุกคน” เพื่อเปิดมุมมองทัศนคติต่อการดํารงชีวิตในสังคมอย่างมีคุณค่าและสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งจะช่วยสร้างกําลังใจให้ทุกคน ทั้งผู้พิการและคนทั่วไป ได้เห็นทัศนคติเชิงบวก เห็นคุณค่าด้านต่างๆ ของตัวเอง ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในระดับปัจเจกและระดับสังคมโดยรวม
นางสาวกันต์ฤทัย สืบสายเพ็ชร สาขาวาทนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำวิจัยเรื่อง “การสื่อสารปรัชญาการดำรงชีวิตอิสระในเรื่องเล่าประสบการณ์ของคนพิการ” โดยการศึกษาวิจัยเรื่องเล่าจากหนังสือของคนพิการจำนวน 42 เรื่อง ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ตีพิมพ์ระหว่าง ปี 2542-2556 โดยได้เน้นการเจาะลึกหนังสือของคนพิการระดับรุนแรงทั้งตาบอด หูหนวก และไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ หรือเป็นอัมพาตตั้งแต่ครึ่งตัว จำนวน 17 เรื่อง รวมถึงสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวน 20 คน พบว่า งานเขียนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการบอกเล่าประสบการณ์ การต่อสู้ เพื่อมุ่งเอาชนะอุปสรรคของการใช้ชีวิต การให้กำลังใจ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้สามารถเรียนรู้และให้กำลังใจทั้งคนพิการ และคนปกติทั่วไป โดยมุมมองในการนำเสนอเรื่องราวจะมุ่งประเด็นการดำรงชีวิตที่อิสระ ซึ่งบอกถึงความเท่าเทียม และความภาคภูมิใจของตนเอง และการเอื้ออาทรของเพื่อนมนุษย์ซึ่งคนพิการไม่ได้เป็นเพียงผู้รับ หรือแค่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น นอกจากนี้พบว่าความขัดแย้งต่อทัศคติของคนในสังคมกับตัวผู้พิการเอง โดยเฉพาะปัญหาของคนส่วนใหญ่ที่ยังมีทัศนคติผิด ไม่เข้าใจผู้พิการและมองเขาเหล่านั้นว่าเป็นคนชายขอบ
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นงานวิจัยที่มีคุณค่า นอกจากจะได้เห็นอัตตลักษณ์ที่แท้จริงของคนพิการแล้ว ยังสามารถสร้างความเข้าใจให้กับสังคมถึงการดำรงชีวิตอย่างเป็นอิสระของคนพิการ การจัดงานครั้งนี้จะทำให้สังคมได้รับรู้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีความบกพร่องในเรื่องใด “หนังสือและการอ่าน” สามารถเป็นเพื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้ได้เสมอ
นางสุจิตรา เต้พันธ์ ผู้อำนวยการกองนันทนาการ สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.มีนโยบายหลักในการออกแบบและปรับปรุงห้องสมุดเพื่อให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงการอ่านได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะมุมหนังสือของคนพิการ (universal design) อาทิ ห้องสมุดซอยพระนาง มีการออกแบบชั้น 3 เป็นมุมการอ่านเพื่อคนพิการ มีแนวคิดว่า “การอ่านหนังสือไม่ได้อ่านเพียงแค่คนเดียวหากสามารถแบ่งปันได้” เพื่อคนพิการทางสายตา โดยมีคอมพิวเตอร์ที่ตั้งโปรแกรมเอาไว้ให้ผู้ที่ต้องการแบ่งปันการอ่านกับผู้พิการทางสายตา ด้วยการอ่านออกเสียงลงในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากนั้นคนพิการทางสายตาก็สามารถเข้ามาเลือกฟังได้ ซึ่งในอนาคตกทม. จะพัฒนาห้องสมุดและเปิดมุมหนังสือและการอ่านในลักษณะเดียวกันนี้ที่ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ให้มีมุมแบ่งปันการอ่านเพื่อคนพิการ ซึ่งจะไม่เน้นเพียงแค่คนพิการทางสายตาเท่านั้น แต่จะพัฒนาให้เกิดความหลากหลายกับกลุ่มผู้พิการอื่นๆ ด้วย เพื่อเป็นห้องสมุดที่เอื้อประโยชน์ด้านการอ่านกับทุกคนอย่างแท้จริง
ด้านนายเอกชัย วรรณแก้ว เจ้าของฉายา “ผู้เขียนชีวิตด้วยปลายเท้า” และเจ้าของผลงาน "ล้มให้เป็น ลุกให้ได้" กล่าวว่า อยากให้คนพิการเกิดแรงบันดาลใจ มีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตและเห็นคุณค่าของตัวเอง มุ่งมั่นไปให้ถึงจุดหมาย และเอาชนะตัวเองเพื่อสร้างการยอมรับให้ได้ เพราะสำหรับคนพิการ ร่างกายเป็นเพียงองค์ประกอบที่ทุกคนไม่ได้แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ “หัวใจ” ที่แตกต่างไป สำหรับหนังสือ “ใจ เปลี่ยนโลก” จึงเป็นผลงานเขียนเล่มที่สองที่ต้องการเน้นให้เห็นคุณค่าทางจิตใจมากกว่าร่างกายภายนอก เนื่องจากสังคมปัจจุบันยังมีทัศนคติเกี่ยวกับคนพิการแบบไม่เข้าใจ ยังมองคนพิการด้วยความสงสาร และต้องการสงเคราะห์ แต่คนพิการไม่ได้ต้องการแบบนั้น เขาอยากได้สายตาที่มองเขาแบบคนปกติและโอกาสในการทำทุกอย่างเหมือนคนปกติ ไม่ใช่ตัดสินว่าเขาทำไม่ได้
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข