เท่าเทียมหญิง-ชาย ‘เสมอภาค’ กฎหมายยังไม่ชัด?


8 มี.ค. “วันสตรีสากล” เวียนมาถึงอีกครั้ง ซึ่งสำหรับในประเทศไทยก็เป็นการเวียนมาถึงของวันสตรีสากลในช่วงที่เรื่อง “ความเท่าเทียมระหว่างหญิง-ชาย” กำลังถูกผลักดันมากขึ้นกว่าในอดีต อย่างล่าสุดก็มีการสัมมนา มีเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคการเมืองต่างๆ เกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิเสมอภาคหญิง-ชาย และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิง ซึ่งนายกรัฐมนตรี และตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ก็เข้าร่วมอย่างคับคั่ง


ขณะที่กฎหมายความเท่าเทียมกำลังถูกจับตา??ทั้งนี้ ว่ากันถึงกฎหมายเกี่ยวกับความเท่าเทียมหญิง-ชาย นอกจากร่างพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่อยู่ระหว่างกระบวนการ ก็ยังมีร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศ ฉบับประชาชน ถูกจุดพลุขึ้นมาประกบ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีความเคลื่อนไหวของเครือข่ายผู้หญิงพลิกโฉมประเทศไทย เครือข่ายผู้หญิงเพื่อความก้าวหน้าและสันติภาพ มีการเสวนาร่างกฎหมายโดยองค์การเอกชนต่างๆ อาทิ ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิผู้หญิง ฯลฯ เพื่อย้ำจุดยืนการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ ไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลทั้งทาง วิชาการ ศาสนา ผลประโยชน์สาธารณะ


“รัฐบาลมีพันธะที่ต้องมีการจัดการ อันเนื่องจากการที่ ประเทศไทยได้มีการไปผูกพันตนเองในอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ หรือซีดอว์ (CEDAW) และในพิธีสารเลือกรับ (สนธิสัญญาท้ายสัญญาซีดอว์) ด้วยข้อผูกมัดที่ว่า ประเทศไทยต้องแก้ไขกฎหมายทั้งหมดที่มีอยู่และเป็นการเลือกปฏิบัติต่อสตรี เพื่อให้เป็นไปตามหลักการของอนุสัญญา หรือตามรัฐธรรมนูญของไทยก็ตาม ต้องมีการออกกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการความเท่าเทียมกันของสิทธิความเป็นมนุษย์ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ในร่างพระราชบัญญัติของกระทรวง พม. ไม่ค่อยให้ความสำคัญ” เป็นการระบุไว้ก่อนหน้านี้ของ รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ อาจารย์ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่



นักวิชาการรายนี้ระบุไว้อีกว่า ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติฉบับประชาชนที่องค์กรผู้หญิงร่วมกันสร้างขึ้นมา ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เป็นรากเหง้า ปัญหาการกลบเกลื่อนความรุนแรง และลักษณะปัญหาการสร้างเงื่อนไขของตนเองทำให้ไม่อาจใช้กฎหมายมาแก้ไขปัญหาได้ เช่น มีการสร้างเงื่อนไขที่ไม่ต้องใช้ร่างพระราชบัญญัติที่ร่างขึ้นมาเลยก็ได้ เช่น มาตรา 3ของร่างของ พม. ที่เกี่ยวกับการไม่เลือกปฏิบัติ ที่มีเนื้อความที่ว่า “เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุผลทางวิชาการ ทางศาสนา และเพื่อประโยชน์ทางสาธารณะ” ซึ่งเป็นเหตุผลที่ค่อนข้างกว้าง และไม่ยุติธรรมต่อสตรีนัก


ด้าน นัยนา สุภาพึ่ง ผู้อำนวยการมูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร ชี้ไว้ว่า พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศของกระทรวง พม. สามารถให้ความเท่าเทียมชาย-หญิงในแง่ของนิยามเพศชาย-เพศหญิง แต่ไม่ได้ก้าวข้ามไปถึงเรื่องเพศภาวะ ที่หมายถึง ค่านิยม ทัศนคติ และวัฒนธรรมต่อเพศตรงข้าม ที่อาจจะนำไปสู่การ “เลือกปฏิบัติ” ที่เป็นการละเมิดสิทธิสตรีอย่างหนึ่ง ซึ่งพระราชบัญญัติส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศ ฉบับประชาชน ได้กล่าวถึงจุดนี้ไว้ชัดเจน และเป็นไฮไลต์หนึ่งของร่างพระราชบัญญัติ


ทั้งนี้ นัยนาได้อธิบายไว้ถึงความเท่าเทียมระหว่างเพศ ในแง่เพศ และเพศภาวะ โดยยกตัวอย่างในเรื่องของอาชีพ เช่น การเลือกเรียนสาขาไฟฟ้า ชายหญิงมีสิทธิเรียนได้เหมือนกัน ซึ่งสมัยก่อนแม้จะอนุญาตให้ผู้หญิงเรียนได้ แต่ในการเลือกรับคนทำงานในตำแหน่งช่างไฟฟ้า ก็จะเลือกรับแต่ผู้ชายเท่านั้น


ด้วยเหตุผลว่า ผู้หญิงปีนเสาไฟฟ้าไม่ได้?? หรือในแง่ความเท่าเทียมของเพศภาวะ เช่น การไม่รับผู้หญิงเข้าเรียนด้านช่างยนต์ ทั้งๆ ที่สถานศึกษา และหลักสูตรเปิดรับให้ผู้หญิงเรียนช่างยนต์ได้ หรือถ้าผู้หญิงสอบเข้าไปเรียนได้ ก็ต้องเผชิญสภาพกดดันในการที่ต้องเรียนรวมกับผู้ชายหลายๆ คน อย่างการไม่มีห้องน้ำสำหรับผู้หญิงเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกว่า “ละเมิดในแง่ของเพศภาวะ” ซึ่งพระราชบัญญัติส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศก็ได้ระบุเรื่องนี้ไว้


“พระราชบัญญัติส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศ ได้ยกเว้นเรื่องการนำสืบพยานในกรณีถูกข่มขืนว่าจะไม่ใช้วิธีที่ให้ฝ่ายโจทก์ต้องเป็นฝ่ายหาข้อมูลและพยานมายืนยันว่าจำเลยเป็นคนกระทำ แต่ฝ่ายจำเลยต้องหาข้อมูล หลักฐาน และพยานมาแก้ต่างฝ่ายโจทก์ เพราะเกรงว่าในขั้นตอนการนำสืบพยานในวิธีเดิมจะเป็นการละเมิดผู้หญิงซ้ำอีก ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากพระราชบัญญัติของรัฐบาล” นัยนาระบุไว้


ขณะที่ อุษา เลิศศรีสันทัด ตัวแทนมูลนิธิผู้หญิง ก็เสริมไว้ว่า ทางเครือข่ายผู้หญิงฯได้ผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาคระหว่างเพศฉบับประชาชน ได้เข้าไปพิจารณาร่วมกับร่างพระราชบัญญัติของ พม.


ก็เป็นความเคลื่อนไหวก่อนจะมาถึงวันสตรีสากลปีนี้เป็นเรื่อง ‘ความเท่าเทียมหญิง-ชาย’ ที่ต้องรอดู ???


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

Shares:
QR Code :
QR Code