เที่ยวหน้าร้อนระวัง 10 เมนูก่อโรค
“อธิบดีกรมควบคุมโรค”แนะประชาชนควรระมัดระวังความสะอาดของอาหาร หมั่นล้างมือบ่อยๆ พร้อมเผย10 เมนูอันตรายท็อปฮิตช่วงหน้าร้อน เสี่ยงอาหารเป็นพิษ
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ จึงอยากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงจากโรคอาหารเป็นพิษ อุจจาระร่วง ระมัดระวังให้อาหารสะอาดปลอดภัยอยู่เสมอ ไม่ปรุงอาหารทิ้งไว้เป็นเวลานานก่อนนำไปให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบจะบูดหรือเน่าเสียง่ายกว่าปกติ อาหารประเภทยำ ลาบ ต้องปรุงให้สุกทั่วถึง ผู้ปรุงอาหารต้องรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดี แต่งกายสะอาด รวบผม ล้างมือก่อนปรุงและหลังประกอบอาหารทุกครั้ง โดยเฉพาะต้องล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ส่วนผู้เดินทางท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคอาหารนั้น ถ้าจะแวะรับประทานอาหารขอให้เลือกร้านที่มั่นใจว่าสะอาด หรือมีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย สำหรับน้ำดื่มหรือน้ำแข็งควรมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจาก อย. รวมทั้งล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า จากการเฝ้าระวังโรคอาหารเป็นพิษของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม2557 – 7 เมษายน 2557 พบผู้ป่วย 4,378 ราย จาก 77 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 54.12 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ คือ 45-54 ปี รองลงมา 15-24 ปี และ อายุมากกว่า 65 ปี จังหวัดที่มีอัตราป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อุดรธานี หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ขอนแก่น และบุรีรัมย์ โดยประชาชนควรระมัดระวังความสะอาดของอาหาร 10 เมนูอันตรายท็อปฮิตหน้าร้อน ได้แก่ 1. ลาบ/ก้อยดิบ เช่น ลาบหมู ก้อยปลาดิบ 2. ยำกุ้งเต้น 3. ยำหอยแครง 4. ข้าวผัดโรยเนื้อปู โดยเฉพาะกรณีที่ทำในปริมาณมาก เช่น อาหารกล่องแจก 5. อาหาร/ขนม ที่ราดด้วยกะทิสด 6. ขนมจีน 7. ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ 9. สลัดผัก และ 10. น้ำแข็ง ส่วนอาหารปิ้งย่างที่นิยมรับประทานกัน หมูกระทะ กุ้งกระทะ บาบีคิว ช่วงหน้าร้อนนี้ขอให้ใจเย็นๆ เวลาปิ้ง ควรปิ้งให้สุกจะได้ปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษ สิ่งสำคัญอย่าลืมฤดูร้อนผู้ปรุงอาหารต้องปรุงอาหารให้ “สุก ร้อน สะอาด” ส่วนผู้บริโภคต้อง “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ”
ที่มา : เว็บไซด์มติชนออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต