เตือน! 10 เมนู เสี่ยงอาหารเป็นพิษ
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ
แฟ้มภาพ
กรมควบคุมโรค เตือน! 10 เมนู เสี่ยงอาหารเป็นพิษ หลังพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษพุ่ง 93,234 ราย แพทย์แนะ ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หากมีกลิ่นผิดปกติไม่ควรรับประทาน จะช่วยป้องกันโรคอาหารเป็นพิษได้..
นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคอาหารเป็นพิษใน จ.มหาสารคาม นั้น กรมควบคุมโรค ได้ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ทั้งจากสำนักระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 7 จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค หลังได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว จากการสอบสวนโรคเบื้องต้น พบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 61 ราย เป็นชาย 22 ราย หญิง 39 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 3 ราย
สำหรับสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษในประเทศไทย ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 พ.ย. 60 พบผู้ป่วย 93,234 ราย กลุ่มอายุที่พบมากสุดคือ 15-24 ปี รองลงมาอายุ 65 ปีขึ้นไป ส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ลำพูน ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี มหาสารคาม และแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ
ขณะที่ โรคอาหารเป็นพิษเกิดจากการกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนพิษของเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ สารพิษหรือสารเคมี มักพบในอาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ อาหารไม่สะอาด และอาหารที่ปรุงไว้นานแล้วไม่ได้แช่เย็น หรือนำมาอุ่นก่อน ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี และเพิ่มมากขึ้น
สำหรับอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ ที่ประชาชนควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ 10 เมนู ได้แก่ 1. ลาบ/ก้อยดิบ 2. ยำกุ้งเต้น 3. ยำหอยแครง/ยำทะเล 4. ข้าวผัดโรยเนื้อปู 5. อาหาร หรือขนมที่มีส่วนประกอบของกะทิสด 6. ขนมจีน 7. ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ 9. สลัดผัก และ 10. น้ำแข็งที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเมนูอาหารเหล่านี้ควรรับประทานเฉพาะที่ปรุงสุกใหม่ ขอให้หลีกเลี่ยงการปรุงโดยวิธีลวกหรือพล่าสุกๆ ดิบๆ
นอกจากนี้ อาหารกล่องควรแยกกับข้าวออกจากข้าว ควรรับประทานภายใน 2-4 ชั่วโมงหลังจากปรุงเสร็จ และหากมีกลิ่นผิดปกติไม่ควรรับประทาน ส่วนประชาชนทั่วไป ขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” โดยรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ด้วยความร้อน ไม่มีแมลงวันตอม ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ และรักษาสุขอนามัย จะช่วยป้องกันโรคอาหารเป็นพิษได้
ทั้งนี้ อาการของผู้ป่วยโรคนี้คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระ ปวดหัว คอแห้งกระหายน้ำ อาจมีไข้ เป็นต้น ในการช่วยเหลือเบื้องต้น ควรให้สารละลายเกลือแร่โออาร์เอส หรืออาหารเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ หากอาการต่างๆ ข้างต้นไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์