เตือน ปลายฝนต้นหนาวระวัง ไข้หวัดในเด็ก
ที่มา: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมการแพทย์
แฟ้มภาพ
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ เตือนผู้ปกครองดูแลสุขภาพเด็กในช่วงอากาศเปลี่ยน ปลายฝนต้นหนาว พบไข้หวัดในเด็กเป็นจำนวนมาก แนะสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และควรแยกเด็กที่เป็นไข้หวัดออกจากเด็กคนอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดไข้หวัดระหว่างกัน
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เริ่มต้นเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้เด็กๆ เป็นไข้หวัดได้ง่าย และเกิดขึ้นได้บ่อยๆ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส อาการของโรคไข้หวัด คือ อ่อนเพลีย มีน้ำมูก เจ็บคอ ในเด็กเล็กจะมีอาการร้องกวน ไม่ดูดนม ไม่สามารถสั่งน้ำมูกออกได้ อาจทำให้เกิดการอุดตันของท่อทางเดินหายใจ โดยเฉลี่ยเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ อาจจะเป็นไข้หวัด 4-8 ครั้งต่อปี แม้ว่าโรคจะหายเองใน 7-10 วัน แต่เป็นโรคที่ผู้ป่วยเด็กไปพบแพทย์มากที่สุด การรักษาไข้หวัดที่จากเกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาตามอาการ คือ เมื่อมีน้ำมูก แพทย์จะให้ยาลดน้ำมูก อาการคัดจมูกจะให้ยาหยอดจมูก มีไข้จะให้ยาลดไข้ ในรายที่ติดเชื้อจึงจะใช้ยาปฏิชีวนะ ผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่ ยิ่งเป็นเด็กเล็กให้ระมัดระวังการอุดกั้นของท่อทางเดินหายใจ โดยให้สังเกตอาการจากการหายใจ
ถ้ามีการหายใจที่เหนื่อยๆสามารถจะใช้ลูกสูบยางแดงช่วยเด็กในการดูดน้ำมูก เพื่อป้องกันอาการอุดกั้นของท่อทางเดินหายใจ ส่วนเด็กโตสามารถสั่งน้ำมูกได้ ที่สำคัญควรดูแลให้เด็กได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า ข้อควรปฏิบัติเมื่อเป็นไข้หวัดเด็ก ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ และบ่อยๆ ดูแลร่างกายให้อบอุ่น สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ควรรับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เมื่อมีการไอ จาม ควรปิดปาก ปิดจมูก จัดให้เด็กพักผ่อนในที่อากาศปลอดโปร่ง และควรแยกเด็กที่เป็นไข้หวัดออกจากเด็กคนอื่นๆ เพื่อป้องกันการติดไข้หวัดระหว่างกัน