เตือนอากาศร้อนจัด เสี่ยงโรคภัย
อากาศร้อนจัดเสี่ยงผลกระทบสุขภาพ 4 ระดับ กลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนอ้วนควรระวัง แนะดื่มน้ำมากๆ เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
น.พ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ภัยจากสภาพอากาศร้อนจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 ระดับ ตั้งแต่ระดับน้อยสุดจนถึงขั้นรุนแรงสุด คือ 1.ทำให้ผิวหนังไหม้ (Sun burn) 2.ตะคริว (Heat cramp) เนื่องจากสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปกับเหงื่อมาก 3.อาการเพลียแดด (Heat exhaustion) เนื่องจากสูญเสียเหงื่อมาก เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลดลง จะมีอาการหน้าซีด ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด ตาลาย และ 4.เป็นลมแดด (Heat Stroke) เนื่องจากได้รับความร้อนมากหรือนานเกินไป ตัวจะร้อนจัด สมองไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายได้ จะมีอาการสำคัญที่ต่างจากอาการเป็นลมแดดทั่วๆ ไปคือ ตัวร้อนจัด ผิวหนังจะแห้ง ไม่มีเหงื่อออก มีอาการผิดปกติระบบประสาท เช่น เดินเซ กระสับกระส่าย หมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ช็อก หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ปี 2546-2556 ไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดด 196 ราย โดยเป็นผู้สูงอายุมากที่สุดพบร้อยละ 16 รองลงมาคือผู้มีอาชีพรับจ้าง ผู้ที่มีโรคประจำตัว และดื่มสุรา โดยเฉพาะปี 2556 มีผู้เสียชีวิตในเดือนมีนาคม-เมษายน จำนวน 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชายและอายุมากกว่า 60 ปี โดยเสียชีวิตในบ้านมากที่สุด รองลงมาคือที่ทำงานและในรถยนต์
น.พ.นรินทร์รัชต์ กล่าวต่อไปว่า ที่น่าห่วงและมีอันตรายสูงคือ ฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด ซึ่งเป็นภาวะวิกฤติ ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากผลของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งบางพื้นที่อาจสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส กลุ่มเสี่ยงต่อโรคจากความร้อน ได้แก่ 1.เด็กเล็ก 2.ผู้สูงอายุเกิน 65 ปี 3.คนอ้วน 4.ผู้ใช้แรงงานอย่างหนักหรือผู้ออกกำลังกายหนัก 5.ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาภาวะซึมเศร้า นอนไม่หลับ และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ขณะเดียวกันในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ผู้ที่ทำงานกลางแดด ทหารเกณฑ์ระหว่างฝึกหนัก เด็กที่ถูกทิ้งไว้ในรถที่ดับเครื่องกลางแดดรอผู้ปกครอง ก็ต้องระวังโรคจากความร้อนเป็นพิเศษ
"การช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมแดด ให้นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองมากขึ้น คลายชุดชั้นในและถอดเสื้อผ้าออกให้เหลือน้อยชิ้น ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ ตัว รักแร้ ขาหนีบ หน้าผาก ร่วมกับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อนหรือใช้น้ำเย็นราดตัว เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง และรีบส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ในรายที่อาการยังไม่มากควรให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ สำหรับการป้องกันอันตรายจากโรคลมแดด ในช่วงที่มีอากาศร้อน แนะนำให้ประชาชนสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ไม่หนา ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หากเป็นไปได้ควรอยู่ภายในบ้าน เช่นใต้ถุนบ้าน หรืออยู่ใต้ร่มไม้ ลดทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้ง สวมแว่นกันแดด สวมหมวกปีกกว้าง ควรดื่มน้ำมากกว่าปกติจากวันละ 1-2 ลิตร เพิ่มเป็นชั่วโมงละ 1 ลิตร เพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิให้คงที่ ชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก น้ำจะเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ ปรับตัวสู้กับอากาศร้อนได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด พร้อมย้ำเตือนประชาชนอย่าทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้ง ความร้อนภายในรถ จะเสี่ยงต่อการเป็นลมแดดสูงมาก ส่วนผู้ที่ออกกำลังกาย ควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก และให้ทำค่อยเป็นค่อยไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวหากมีอาการผิดปกติ เช่น วิงเวียนปวดศีรษะ ใจสั่น ขอให้พบแพทย์หรือโทร.ปรึกษาสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง" น.พ.นรินทร์รัชต์ กล่าวในที่สุด
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต