เตือนระวังงูพิษช่วงหน้าฝน

/data/content/24873/cms/e_befjlsvyz456.png

          คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)  เตือนช่วงหน้าฝนผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ต้องทำนา ทำไร่ ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการพบสัตว์มีพิษได้ง่าย         

           นพ.ไพฑูรย์ ณรงค์ชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาและ อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นฤดูฝน และมีสภาพอากาศร้อนชื้น เหมาะต่อการอยู่อาศัยของสัตว์มีพิษหลายชนิด โดยเฉพาะงู ซึ่งอาศัยอยู่ตามสภาพแวดล้อมใกล้ตัว ไม่ว่าจะบริเวณสวนข้างบ้าน ทุ่งนา ป่า หรือในน้ำ ทั้งยังพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ต้องทำนา ทำไร่ ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการพบสัตว์มีพิษได้ง่าย และอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลในตัวเมือง เมื่อถูกงูกัดจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว ความสำคัญจึงอยู่ที่การรักษาเบื้องต้น

          ซึ่งทุกๆ ปีจะพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการถูกงูพิษกัดจำนวนไม่น้อย สำหรับงูพิษที่มีความสำคัญทางการแพทย์ เพราะมีคนถูกกัดอยู่บ่อยๆ มี 7 ชนิด ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ งูแมวเซา งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา และงูทะเล โดยทั่วไปจำแนกพิษของงูได้ 4 ประเภท ดังนี้ พิษต่อระบบประสาท ได้แก่ พิษของงูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลา ผู้ที่ได้รับพิษจะทำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อ ที่สำคัญคือทำให้หยุดหายใจ และเสียชีวิตได้ พิษต่อโลหิต ได้แก่ งูแมวเซา งูกะปะ และงูเขียวหางไหม้ ทำให้มีเลือดออกตามผิวหนัง เหงือก อาเจียนเป็นเลือด พิษต่อกล้ามเนื้อ ได้แก่ งูทะเล ทำอันตรายต่อกล้ามเนื้อ ปวดกล้ามเนื้อมาก ปัสสาวะสีดำเนื่องจากกล้ามเนื้อถูกทำลาย และพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ได้แก่ งูเห่า ทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ บางรายรุนแรงถึงเสียชีวิต

         ทั้งนี้ วิธีการปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่ถูกงูกัด อย่างแรกคือผู้ที่ถูกกัดต้องตั้งสติให้ดี ไม่ควรวิ่งไปมา เพราะจะทำให้พิษกระจายได้เร็วขึ้น ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ และใช้เชือก หรือผ้ามัดเหนือบริเวณแผลที่ถูกงูกัดประมาณ 1 ข้อ มัดให้แน่นพอสมควร และใช้ไม้ช่วยดามไว้ในระหว่างนำส่ง ทุก 15 ถึง 20 นาที คลายผ้าที่มัดไว้ 1-2 นาที แล้วมัดใหม่ ที่สำคัญคือห้ามดูดพิษจากแผลที่ถูกงูกัด  เพราะถ้ายิ่งดูดแผล ยิ่งเพิ่มพื้นที่ที่จะทำให้พิษกระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วมากขึ้นอีก ยิ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่ถูกงูกัด

 

 

         ที่มา: มติชนออนไลน์

         ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code