เตือนพ่อแม่จับตา “วัยรุ่น” สั่ง “ยาเสียสาว”
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
โซเชียลแห่แชร์เตือนพ่อแม่ตรวจกระเป๋าลูก เหตุวัยรุ่นฮิตใช้ยาเม็ดสีน้ำเงินและแดงผสมเครื่องดื่มเป็นยาเสพติด อย. ชี้ เป็นยา “เสียสาว” คาด วัยรุ่นสั่งผ่านอินเทอร์เน็ต เหตุไทยเข้มงวดการใช้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีการส่งต่อข้อความผ่านทางโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ให้ผู้ปกครองตรวจสอบกระเป๋านักเรียนของบุตรหลาน เนื่องจากขณะนี้มีสิ่งเสพติดที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่น ที่นำมาผสมเครื่องดื่ม ซึ่งจะออกฤทธิ์มึนเมาไม่มีกลิ่น มีอันตรายต่อตับและไต ที่กำลังระบาด มีทั้งเม็ดสีน้ำเงิน และสีแดง
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะโฆษก อย. กล่าวว่า ยาดังกล่าว คือ ยาอัลปราโซแลม และ มิดาโซแลม เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 โดยปกติร้ายขายยาทั่วไปไม่สามารถมีไว้ในครอบครองหรือจำหน่ายได้ เพราะโดยหลักแล้ววัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ผู้ที่จะสามารถสั่งใช้ได้จะมีเฉพาะแพทย์เท่านั้น และมักใช้ในกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับต้องปรับสภาพการนอน หรือใช้ร่วมกับการผ่าตัด ใช้สำหรับคลายอาการวิตกกังวล หากรับประทานไปแล้วจะออกฤทธิ์เร็วภายใน 15 นาที ผู้ที่รับประทานจะมีอาการสะลึมสะลือง่วงนอน ส่งผลให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด
“ยากลุ่มนี้มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จึงจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 หรือจะรู้จักกันในชื่อกลุ่มยาเสียสาว แต่ในประเทศไทยไม่ต้องกังวล เนื่องจากผู้ที่จะจำหน่ายหรือสถานที่ที่จะมีไว้ใช้ ต้องมีใบอนุญาต ขอครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 เท่านั้น และต้องขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขด้วย เพราะบางครั้งอาจมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้เพื่อทำให้เหยื่อควบคุมสติไม่ได้ หรือนำไปใช้ก่อเหตุอันไม่พึงประสงค์ได้” ภก.ประพนธ์ กล่าว
ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยาทั้ง 2 ชนิด พบว่า น่าจะเป็นการลักลอบนำเข้ายา เนื่องจากไม่มีฉลากและเอกสารกำกับยาเป็นภาษาไทย ดังนั้น ผู้ปกครองควรเฝ้าระวังบุตรหลานของท่านไปลักลอบซื้อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และ อินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม อย. ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตรวจสอบการใช้ตลอด โดยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ทำการตรวจสอบ และไทยเองก็มีการเข้มงวดในการสั่งจ่ายอย่างมาก และมีการควบคุมอย่างเข้มงวดโดยหากที่ใดมีครอบครองก็จะต้องมีการรายงานการใช้มาให้ อย. ทุกเดือน รวมถึงตัวแพทย์เองต้องมีการทำเวชระเบียนการใช้อย่างละเอียดอีกด้วย ทั้งนี้ ขอเตือนผู้ที่ลักลอบขายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 จะมีโทษจำคุก 4 – 20 ปี หรือ ปรับ 400,000 – 2,000,000 บาท ส่วนผู้ที่มีไว้ครอบครองจะมีโทษจำคุก 1 – 5 ปี และปรับ 20,000 – 100,000 บาท