เตือนผู้ป่วยจิตเวช อย่าดื่มยาที่มีแอลกอฮอล์ผสม
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
แพทย์เตือนผู้ป่วยจิตเวช ดื่มยาบำรุงร่างกายแผนโบราณมีแอลกอฮอล์ผสม อาจทำอาการกำเริบ ชี้พิษของแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นสมอง ต้านกับฤทธิ์ยาที่แพทย์สั่ง ทำให้นอนไม่หลับ หูแว่ว ประสาทหลอน เร่งย้ำเตือนสร้างความเข้าใจผู้ป่วยและกำชับให้ญาติช่วยกันเฝ้าระวัง
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล (รพ.)จิตเวชนครพนมราชนครินทร์ จ.นครพนม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายว่า ในปีงบประมาณ 2561 กรมสุขภาพจิตมีนโยบายให้โรงพยาบาลจิตเวชทุกแห่ง พัฒนาระบบบริการผู้ป่วยและญาติ ทั้งทางด้านกายภาพ สถานที่ภายในและภายนอกอาคารสะอาด ร่มรื่น เป็นโรงพยาบาลสีเขียวที่เอื้อต่อการฟื้นฟูสภาพจิตใจ มีบรรยากาศเป็นมิตร เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติได้รับบริการอย่างมีเกียรติ มีคุณภาพมาตรฐาน รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเหมือนอยู่บ้าน ผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพครบถ้วนทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ จนมีอาการดี สามารถใช้ชีวิตอย่างสมคุณค่า มีศักดิ์ศรี ไม่กลับมาป่วยซ้ำ ซึ่งขณะนี้รพ.จิตเวชนครพนมฯมีผลดำเนินงานที่ก้าวหน้ามาก และได้รับคำชมจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยให้การดูแลผู้ป่วยวันละประมาณ 150 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยจากสปป.ลาวร้อยละ 10
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่น่าเป็นห่วง ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการรพ.จิตเวชนครพนมฯว่าขณะนี้พบผู้ป่วยจิตเวชที่รักษาจนอาการหายดีหรือทุเลาที่แพทย์ให้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ญาติต้องนำกลับมารักษาที่ห้องฉุกเฉินซ้ำอีก เนื่องจากมีอาการกำเริบ เช่นประสาทหลอน หูแว่ว เอะอะ ก้าวร้าว เป็นต้น พบสัปดาห์ละ 1-2 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สาเหตุเกิดมาจากผู้ป่วยดื่มยาบำรุงร่างกายแผนโบราณซึ่งฉลากระบุว่ามีสมุนไพรหลายชนิดเป็นส่วนผสม ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดว่าเป็นยาบำรุงร่างกายทั่วไป ดื่มแล้วทำให้ร่างกายแข็งแรง มีกำลังในการทำงานไม่เหนื่อย จึงได้ให้โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมฯ ประสานอสม.ที่ผ่านการอบรมเป็นอสม.เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตชุมชนจากกรมสุขภาพจิต เร่งให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยจิตเวชและญาติรวมทั้งประชาชนในพื้นที่ด้วย
ทางด้านนายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการรพ.จิตเวชนครพนมราชนครินทร์ กล่าวว่า ยาบำรุงร่างกายตามตำรับยาแผนโบราณเป็นภูมิปัญญาไทยที่ได้จากการนำแอลกอฮอล์หรือเหล้ามาหมักกับสมุนไพรเพื่อสกัดเป็นตัวยามีสรรพคุณตามฤทธิ์ของสมุนไพร เช่น บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงโลหิต ช่วยเจริญอาหาร แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยยาแผนโบราณที่ผู้ป่วยจิตเวชนำมาดื่มและทำให้มีอาการกำเริบนั้น มีผลการตรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปี2558 พบมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงและไม่ได้แสดงปริมาณแอลกอฮอล์ไว้บนฉลากยาอย่างชัดเจน ระบุแต่เพียงชื่อสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ เช่นม้ากระทืบโรง กำลังเสือโคร่ง เป็นต้น เมื่อผู้ป่วยจิตเวชดื่มเข้าไปจึงเท่ากับดื่มแอลกอฮอล์หรือดื่มเหล้าเข้าไป ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นสมองผู้ป่วยโดยตรง มีผลต้านกับฤทธิ์ของยาที่แพทย์ใช้ในการควบคุมอาการ ทำให้การรักษาไม่ได้ผล แพทย์จึงห้ามผู้ป่วยโรคจิตเวชทุกโรคไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมทุกชนิดรวมทั้งยาดองเหล้าสมุนไพร และสารเสพติดอื่นๆที่เป็นสารกระตุ้นสมอง โดยเฉพาะยาบ้า
"อย่างไรก็ดี หากผู้ป่วยจิตเวชต้องการจะใช้ยาสมุนไพรอื่นๆที่ไม่ได้รับการสั่งจ่ายโดยแพทย์หรือแพทย์แผนไทยหรือซื้อมากินเอง ก่อนกินยาร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ขอให้ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้หรือแพทย์แผนไทยที่โรงพยาบาลก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย และยาไม่ตีกัน ซึ่งจะทำให้การรักษาของแพทย์ได้ผลต่อเนื่อง " นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว
จึงขอให้ญาติและประชาชนที่อยู่รอบข้าง ช่วยกันเฝ้าระวัง ดูแลผู้ป่วยจิตเวชอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้สังเกตอาการของผู้ป่วย ซึ่งจะมีสัญญาณเตือนว่ามีอาการกำเริบแล้วคือผู้ป่วยจะนอนไม่หลับ หงุดหงิด มีพฤติกรรมก้าวร้าว ฉุนเฉียวง่าย มีความคิดแปลกๆ หวาดกลัว หากพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่ง ขอให้รีบพาไปพบแพทย์หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง