เตือนประชาชนช่วงฤดูหนาวระมัดระวังการขับขี่รถยนต์ฝ่าหมอกหนาจัด
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนช่วงฤดูหนาวระมัดระวังการขับขี่รถยนต์ฝ่าหมอกหนาจัด ควรตรวจสอบไฟรถทุกครั้ง อย่าขับขี่ด้วยความเร็วสูง
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นอกจากประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว หลายคนเลือกโอกาสที่มีวันหยุดยาวเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัด โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือ เพื่อไปรับลมหนาวกันอย่างเต็มที่ ซึ่งการเดินทางบางครั้งก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ไม่พึงประสงค์ได้ โดยเฉพาะช่วงหมอกลงจัดที่ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี เพราะในช่วงเช้าของฤดูหนาวมักประสบปัญหาหมอกหนาลงจัดหรือบางแห่งมีควันไฟปกคลุม ตามบริเวณหุบเขาเชิงดอย พื้นที่บนภูเขาสูง ประกอบกับที่ชาวบ้านบางส่วนเผาตอซังข้าว พืชไร่ที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วหรือหญ้าแห้ง จนไฟอาจลุกลาม ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรและปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้รถเฉี่ยวชนกันง่ายและบ่อยครั้งขึ้น
จึงขอให้ประชาชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากสามารถงดการเผาสิ่งของต่างๆ ได้ก็จะเป็นการช่วยลดควันไฟได้อย่างมาก หากจำเป็นควรมีการวางแผนทำกิจกรรมต่างๆที่ก่อให้เกิดควัน เช่น การเผาใบไม้ เผาหญ้า การเผาควรทำในขณะที่มีปริมาณใบไม้หรือหญ้าน้อยและควรทยอยเผา อย่าเผาพร้อมๆกัน ซึ่งลักษณะนี้จะสามารถทำให้เกิดหมอกควันไม่มาก ที่สำคัญควรเผาในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น เผาก่อนฝนตก และไม่ควรเผาในช่วงที่มีความกดอากาศสูง เพราะจะทำให้ควันไม่สามารถลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้
ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการเดินทางในช่วงฤดูหนาว ถ้าไม่จำเป็นให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ในกรณีที่หมอกลงจัดหรือมีควันไฟมาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าเนื่องจากทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี หรือประชาชนอาจจะเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน เพื่อให้หมอกควันจางลง จนสามารถขับขี่ได้สะดวกและมองเห็นผิวถนนอย่างชัดเจนขึ้น แต่หากจำเป็นต้องขับขี่รถยนต์ต้องมีการเตรียมพร้อมและระมัดระวัง ดังนี้
หลักในการเตรียมพร้อม ได้แก่
1.เตรียมรถ ตรวจสอบดวงไฟทั้งหมดของรถ เช่น ไฟหน้ารถ ไฟเลี้ยว ไฟท้ายรถ เป็นต้น
2.เตรียมเส้นทาง โดยศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น ทางลาดชัน ทางโค้ง ทางแยก ทางแคบ เป็นต้น
ข้อควรระมัดระวัง ได้แก่
1.อย่าขับขี่ด้วยความเร็วสูง เพราะการมองเห็นจะไม่ชัดเจนและแปรเปลี่ยนตลอดเวลา สายตาของผู้ขับขี่จะเครียดและล้า ความสามารถในการคาดเดาของผู้ขับขี่จะถูกจํากัดทําให้เกิดอันตรายได้ง่าย รวมทั้งในบริเวณที่มีหมอกผิวถนนจะลื่นกว่าปกติ อย่าแซง เปลี่ยนช่องทางหรือหยุดรถกะทันหันอย่างเด็ดขาด ข้อควรจำ คือ ถ้าหมอกลงจัด แล้วท่านสามารถมองเห็นไฟท้ายของรถคันหน้า แสดงว่าคุณขับใกล้รถคันหน้ามากเกินกว่าที่จะหยุดได้ทัน
2.ถ้ามีละอองฝ้าติดกระจกรถ ควรลดระดับของกระจกหน้าต่างลง เปิดที่ปัดน้ำฝนเพื่อไล่ไอน้ำที่เกาะกระจกหน้ารถ เปิดปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และปิดเครื่องเสียง จะทำให้ได้ยินเสียงรถยนต์ที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ๆ ได้
3.ใช้ไฟหน้าช่วยให้แสงสว่างเมื่อการมองเห็นไม่ชัดเจน ไฟหน้าจะช่วยให้เกิดแสงสะท้อนที่หมุดสะท้อนแสงตามแนวถนนให้เห็นได้ จะช่วยให้ทราบว่าส่วนไหนเป็นขอบถนนและทราบถึงเครื่องหมายต่างๆที่คล้ายกัน
4.พยายามขับขี่รถให้อยู่ในกลางช่องระหว่างเส้นหรือแถวหมุดสะท้อนแสง การขับรถชิดเส้นกลางถนนมากเกินไปอาจเกิดอันตรายได้
5.ในกรณีที่หมอกลงจัดจำเป็นต้องใช้ไฟตัดหมอกช่วย ถ้าไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะ 100 เมตร เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่รายอื่นสามารถมองเห็นรถของท่านได้ในระยะไกล และปิดไฟตัดหมอกเมื่อการมองเห็นชัดเจนหรือมีรถขับสวนทางมา
6.อย่าใช้ไฟสูง เมื่อขับตามรถยนต์ในบริเวณที่มีหมอกและควันไฟ เพราะไฟสูงทำให้ผู้ขับรถคันหน้ามองไม่ค่อยเห็น เนื่องจากจะเกิดเงาของรถยนต์ขึ้นในหมอกข้างหน้ารถยนต์คันหน้า และไฟจะสะท้อนกระจกเข้าตาผู้ขับรถอีกด้วย
7.อย่าจอดรถยนต์ในบริเวณที่มีหมอกลง หากจำเป็นควรจอดให้พ้นออกไปจากถนน ถ้ารถยนต์เสียควรหาจุดจอดรถที่ปลอดภัย เข็นออกไปจากถนนหรือจอดบนไหล่ทางให้มากที่สุด ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินและนำป้ายเตือนหรือวัสดุอื่นๆ ที่สะท้อนแสงมาวางไว้ด้านหลังรถ ห่างจากจุดที่จอดรถในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร
“หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 หรือขอความช่วยเหลือหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โทรสายด่วน 1669” นายแพทย์พรเทพ กล่าว
ที่มา : กลุ่มประชาสัมพันธ์และข่าว สนง.เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค