เตือนบ่อขยะก่อโรค-สารพิษ
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนอยู่ใกล้บ่อขยะหรือทำงานเกี่ยวกับขยะ ควรดูแลสุขภาพหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บ่อขยะ หากมีอาการผิดปกติ ก็ควรรีบพบแพทย์ทันที แนะขอคำปรึกษาสายด่วน 1422
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวแสดงความห่วงใยสุขภาพของประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณบ่อขยะหรือทำงานเกี่ยวกับขยะ เพราะในบ่อขยะจะมีของเสียอยู่รวมกันจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงขยะอันตรายบางชนิดอาจมีสารเคมีที่เป็นพิษหรือสารไวไฟ หรือสารกัดกร่อนเป็นส่วนประกอบ หากจัดการไม่ถูกวิธีหรือไม่ระมัดระวังจะทำให้สารเคมีที่อยู่ในนั้นรั่วซึมออกมา ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของคนและสิ่งแวดล้อมได้ ทั้งนี้สารอันตรายที่ปนเปื้อนในขยะอันตราย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ การหายใจ เช่น สูดหายใจเอาอากาศที่มีควันไฟ ฝุ่นละออง และสารเคมีจากการเผาขยะเข้าไป การกิน เช่น เก็บขยะแล้วไม่ล้างมือก่อนกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีจากขยะ และการดูดซึมทางผิวหนัง เช่น เดินเท้าเปล่าบนถนนที่ถมด้วยซากแบตเตอรี่เก่าเป็นประจำ หากสูดดมหรือสัมผัสสารอันตรายเหล่านี้ก็อาจสะสมอยู่ในร่างกายแบบไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ในประเทศไทยมีการสำรวจบริเวณที่ทิ้งขยะทั่วประเทศในปี 2550 พบว่ามีจำนวน 425 ที่เปิดทำการอยู่ โดยแบ่งเป็น ฝังกลบ 95 แห่ง และกองทิ้งกลางแจ้ง 330 แห่ง ส่วนสถานที่กำจัดขยะอันตรายมีเพียง 5 แห่ง นอกจากนี้ยังพบว่า แบบกองทิ้งกลางแจ้งไม่มีการควบคุมและเฝ้าระวังทางสิ่งแวดล้อม จึงทำให้มีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อมได้มากกว่าแบบฝังกลบ และที่ผ่านมาปัญหาขยะอันตรายที่มีผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมก็มีเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นประชาชนที่อยู่ใกล้บริเวณบ่อขยะหรือทำงานเกี่ยวกับขยะ จึงควรดูแลสุขภาพของตนเองและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บ่อขยะ หรือหากมีอาการผิดปกติก็ควรรีบพบแพทย์ทันที
สำหรับลักษณะการเจ็บป่วยนั้น หากเป็นพิษแบบเฉียบพลันมักเป็นการสัมผัสเกิดขึ้นในครั้งเดียวในระยะเวลาสั้น เช่น ภายใน 1 นาที หรือ 1-3 วัน มีอาการดังนี้ ผดผื่นคันระคายเคือง ผิวหนังไหม้ อักเสบ ขาดอากาศ หน้ามืด วิงเวียน หมดสติ หากเป็นแบบเรื้อรังระยะเวลานานทุกวันตั้งแต่เป็นเดือนจนถึงปี จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคทางระบบประสาท และโรคทางระบบเม็ดเลือด เป็นต้น ถ้าประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 02590 3333
ที่มา : สำนักข่าวไทย