เตือนขับรถ เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง

โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง  เผยว่า การขับรถต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้

น.พ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง เปิดเผยว่า การขับรถคงต้องระวังตัวมากขึ้น ไม่ใช่แค่ระวังเพียงอุบัติเหตุ แต่ยังต้องระวังเรื่องของการเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย เพราะมีผลการวิจัยพบว่าการขับรถมีความเสี่ยงทำให้เป็นมะเร็งได้

ทั้งนี้นักวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ได้ทำการวิเคราะห์ฐานข้อมูลของผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังในสหรัฐอเมริกาพบว่า มะเร็งผิวหนังพบมากที่สุดในอวัยวะด้านซ้ายของลำตัวมากกว่าด้านขวา โดยมะเร็งผิวหนังที่นำไปสู่ความตาย 2 ชนิด คือ มะเร็งไฝและมะเร็งชั้นหนังกำพร้าที่เกิดขึ้นในเซลล์เมอร์เคล (merkel cell carcinoma) จะพบที่ด้านซ้ายของผู้ป่วยคิดเป็น 52% และ 53% ตามลำดับ

ผลการวิเคราะห์ดังกล่าว สอดคล้องกับผลการวิจัยในอดีตที่พบความเกี่ยวข้องระหว่างการขับรถกับการเกิดมะเร็งผิวหนัง เพราะในสหรัฐอเมริกา คนขับรถจะนั่งอยู่ด้านซ้าย ร่างกายด้านซ้ายจึงถูกแสงแดดมากกว่าด้านขวา และสอดคล้องกับผลการวิจัยในออสเตรเลียเมื่อปี พ.ศ.2529 ที่พบว่า เซลล์มะเร็งของผู้ชายชาวออสซี่ มีการเจริญเติบโตที่ด้านขวามากกว่าด้านซ้าย ซึ่งสอดคล้องกับการขับรถในออสเตรเลียที่พวงมาลัยอยู่ด้านขวา

น.พ.สมเกียรติ กล่าวว่า บางคนอาจมีคำถามว่า ในเมื่อรถยนต์ทุกคันติดฟิล์มกันแดด ก็น่าจะป้องกันอันตรายจากแสงแดดได้ แต่ความจริงก็คือฟิล์มกันแดดที่ติดอยู่บนกระจกของรถทุกชนิดป้องกันแต่เฉพาะรังสียูวีบีเท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันรังสียูบีเอ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดมะเร็ง และริ้วรอยแห่งวัยได้ ดังนั้น การขับรถเป็นระยะเวลานานๆ จึงเป็นอันตรายต่อผิว แต่สำหรับผู้ขับรถระยะเวลาสั้นๆ และปิดกระจกรถก็ไม่ต้องกังวล เพราะแสงแดดจะไม่ทำร้ายผิวจนทำให้เกิดมะเร็ง

ผลการวิจัยชิ้นนี้ ย้ำเตือนให้เราไม่ลืมที่จะทาครีมกันแดด เพราะรังสีจากแสงแดดสามารถส่องมาทำร้ายผิวหนังได้ แม้ว่าจะอยู่ในร่มก็ตาม น.พ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.รพ.มะเร็งลำปาง กล่าวในที่สุด

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง 

Shares:
QR Code :
QR Code