เติมพลังกายใจผู้พิการ จิตอาสาบ้านหนองโข่ย
แม้ผู้พิการจะมีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมได้น้อย แต่ก็มีความต้องการ อยากได้รับการปฏิบัติดูแลเอาใจใส่เช่นคนปกติทั่วไป
ที่ บ้านหนองโข่ย หมู่ที่ 2 ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หมู่บ้านนี้อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นมากนัก แต่บ้านหนองโข่ยเป็นชุมชนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความรักและความอบอุ่น มีความแตกต่างจากชุมชนอื่นด้วยการสร้างให้ชุมชนแห่งนี้มีจิตอาสาเพื่อเข้า ไปเติมเต็มกำลังกาย กำลังใจ แก่คนที่บกพร่องทางร่างกายในชุมชน ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการทางการเคลื่อนไหว โดยมีชุมชนเป็นส่วนร่วม
โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการในชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ให้มีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อสุขภาพอย่างเหมาะสม และรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเสริมสร้างบทบาทกลุ่มอาสาสมัครดูแลคนพิการในชุมชน ให้สามารถปฏิบัติงานในชุมชนได้อย่างเหมาะสม ภายใต้กิจกรรมตามโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องเกือบหนึ่งปี
นางศศิธร พิมพ์ชายน้อย ผู้รับผิดชอบโครงการ เปรียบดั่งหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนกลุ่มจิตอาสา กล่าวว่า เราต้องทำให้พวกเขามีทัศนคติที่ดี มีแนวทางปฏิบัติและเกิดทักษะในการปฏิบัติเพื่อดูแลและช่วยเหลือผู้พิการทางการเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้พิการทางการเคลื่อนไหว 52 คน อาสาสมัครดูแลผู้พิการในชุมชน 70 คน และภาคีเครือข่ายดำเนินโครงการประกอบ เช่น อบต.ท่าพระ รพ.สิรินธร ขอนแก่น สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดขอนแก่น และเครือข่ายสุขภาพในชุมชน เป็นต้น
นางสุวรรณี สาเสน์ หัวหน้าอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และกลุ่มจิตอาสา เล่าว่า การดำเนินโครงการจะมีกิจกรรมหลายด้าน ตั้งแต่การอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับอาสาสมัครดูแลคนพิการ การอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว การจัดมหกรรมส่งเสริมสุขภาพผู้พิการทางการเคลื่อน ไหว การฝึกอาชีพสำหรับผู้พิการ และการออกติดตามเยี่ยมเยียนผู้พิการในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
จากผลการดำเนินกิจกรรมตามโครงการ พบว่าผู้พิการทางการเคลื่อนไหวมีความรู้ในเรื่องความพิการอย่างถูกต้อง และสามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้อย่างเหมาะสม ผู้พิการยังได้ทำกิจกรรมร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละคน
ผู้พิการเกิดความภาคภูมิใจ มีความสุขมากยิ่งขึ้น ไม่รู้สึกเหงา อาสาสมัครจิตอาสาก็มีความรู้ในเรื่องความพิการอย่างถูกต้องและสามารถดูแลช่วยเหลือผู้พิการในชุมชนได้ถูกต้องเหมาะสม มีความมั่นใจในบทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนมากยิ่งขึ้น
ชุมชนหนองโข่ยมีผู้พิการทั้งหมด 14 รายในปัจจุบัน และจากการสำรวจเมื่อปี 2552 ของ อบต.ท่าพระพบว่ามีผู้พิการในท้องถิ่นของอบต. ท่าพระทั้งสิ้น 122 คน เป็นผู้พิการทางการเคลื่อนไหวมากที่สุดคือ 52 ราย รองลงมาคือผู้พิการทางสติปัญญาและการเรียนรู้ 26 ราย ผู้พิการทางจิตใจและพฤติกรรม 16 ราย ผู้พิการทางการมองเห็น 14 ราย และผู้พิการทางการได้ยินพร้อมกับสื่อความหมาย 14 ราย
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ช่วยสร้างพลังใจให้กลุ่มคนพิการเหล่านี้ก้าวข้ามความท้อแท้สิ้นหวัง ได้รับการเยียวยาจิตใจจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของคนในชุมชน
นางสำราญ จันทะบาล จิตอาสาผู้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ เผยความรู้สึกว่าดีใจและมีความสุขที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคำว่าจิตอาสา ปกติทำงานเพื่อชุมชนอยู่แล้วคือเป็นอสม.หมู่บ้าน การได้ทำงานเพื่อคนพิการก็เหมือนกับเราได้ทำบุญให้กับเพื่อนมนุษย์ เห็นเขามีรอยยิ้มเราก็มีรอยยิ้มไปด้วย จากการพูดคุยได้ข้อมูลเชิงลึกว่าผู้พิการต้องการการช่วยเหลือ ดูแลจากครอบครัวหรือคนรอบข้างอย่างใกล้ชิด แต่รู้สึกเกรงใจและรู้สึกว่าเป็นภาระอย่างมาก ไม่อยากรบกวนใคร บางรายมีอาการท้อแท้หมด กำลังใจในการดำเนินชีวิต
“ผู้พิการไม่สามารถทำงานได้เหมือนปกติ ครอบครัวหรือผู้ดูแลจะต้องแบ่งหน้าที่เพื่อดูแล ทำให้ไม่สามารถออกไปทำงานได้ตามปกติ จนบางครั้งกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว เกิดการทะเลาะหรือขัดแย้งกัน จิตอาสาอย่างพวกเราจึงมีหน้าที่เข้าไปช่วยสมานแผลไม่ให้ขยายวงกว้าง และเพื่อไม่ให้ตอกย้ำความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น” นางสำราญบอกเล่า
กระบวนการจิตอาสาซึ่งไม่หวังผลตอบแทนใดๆ นอกจากการกลับมาของรอยยิ้มบนใบหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้พิการ ซึ่งเป็นเพียงรางวัลเดียวที่กลุ่มจิตอาสาบ้านหนองโข่ยรอคอยว่าสักวันจะได้เห็น
“ยายดีใจหลาย เห็นคนมาเบิ่งมาแลอยู่ทุกมื้อ เฮ็ดให้ยายบ่เหงา มีความสุขหลายมีเพื่อนคุย และบ่ถูกทอดทิ้ง” ความรู้สึกของ คุณยายวัน จันทะบาล วัย 74 ปี ที่พิการขาอ่อนแรงเดินไม่ได้
คุณยายวันเล่าต่อว่าโครงการนี้ให้โอกาสกับตนและเพื่อนบ้านที่พิการในชุมชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีคนมาดูแลและเอาใจใส่ ทำให้ไม่รู้สึกต้องอยู่เพียงลำพังแบบไม่มีเพื่อนคุย ตั้งแต่โครงการเริ่มเข้ามาก็ดีใจเห็นคนในชุมชนต่างคนต่างช่วยเหลือกัน และเสียสละเวลาอันสำคัญของพวกเขามาดูแล ทุกวันนี้เริ่มอยู่ได้ด้วยตนเองและมีความสุขที่เมื่อใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องถามข่าวคราว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด