เตรียมออกประกาศคุมศัลยกรรมเสริมสวย

/data/content/25968/cms/e_cdeikmqvz569.jpg


          ‘แพทยสภาเผยภาวะแพ้ยาสลบเกิดน้อย คาดเดาไม่ได้ แต่อันตรายหากไม่มีทีมและอุปกรณ์กู้ชีพ จ่อออกประกาศคุมศัลยกรรมเสริมสวย และเชิญแพทย์ในกลุ่มอาเซียนและเกาหลีใต้ร่วมกำหนดมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของประชาชน


          นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีพริตตี้สาว ชื่อ "หญิง" เสียชีวิตหลังแพ้ยาสลบจากการผ่าตัดทำหน้าเรียวที่คลินิกดังย่านปากน้ำ ว่า ขณะนี้ยังทราบข้อมูลผ่านสื่อเท่านั้น แต่หากเกิดภาวะแพ้ยาสลบจริง โอกาสเกิดปัญหาดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 50,000-200,000 ราย ซึ่งพบว่าประเทศไทยเกิดประมาณปีละ 1-2 ราย ภาวะดังกล่าวเป็นความผิดปกติในระดับยีน ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครจะเกิดขึ้นบ้าง และรุนแรงมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันจะมียาช่วยแก้ภาวะดังกล่าว แต่พบว่ายามีราคาแพงมาก แต่ก็ช่วยลดภาวะการเสียชีวิตลงได้ แต่หากไม่มียาดังกล่าว โอกาสเสียชีวิตแทบจะ 100% และยังขึ้นอยู่กับว่าแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้เร็วมากน้อยขนาดไหน หากวินิจฉัยได้เร็วโอกาสจะช่วยชีวิตได้ก็มี


          ‘ภาวะการแพ้ยาสลบจะทำให้เกิดการเกร็งกล้ามเนื้อ และเกิดของเสียในร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยจะมีก๊าซเกิดขึ้น มีไข้สูงเฉียบพลัน การดมยาแต่ละครั้งจึงต้องมีความพร้อมของบุคลากร สถานที่ และความพร้อมในการกู้ชีพ ที่ผ่านมาพบว่า เคยมีการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในการศัลยกรรม เมื่อแพทยสภาสอบสวนก็พบปัญหาความไม่พร้อมของเครื่องมือ อุปกรณ์ และแพทย์ ซึ่งเคยมีการตัดสินโทษ รวมไปถึงการตัดสินทางคดีความหลายราย’ นพ.สัมพันธ์ กล่าว


          นพ.สัมพันธ์ กล่าวว่า แพทยสภาไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังมีการทำร่างประกาศคุ้มครองประชาชนจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้านเสริมความงาม และการโฆษณา ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้ทำงานมากว่า 1 ปี เพื่อออกกติกาในการคุ้มครองประชาชนไม่ให้เกิดปัญหาจากการศัลยกรรมเสริมความงามในอนาคต ขณะนี้ร่างประกาศผ่านการพิจารณาทางกฎหมายแล้ว เตรียมออกเป็นประกาศในเร็วๆ นี้ จากที่เคยเป็นเพียงข้อแนะนำว่าแพทย์ควรทำอะไร ก็จะบังคับว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่น คุณสมบัติของแพทย์ที่จะประกอบวิชาชีพด้านดังกล่าว ต้องผ่านการอบรมอะไรบ้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเชิญประเทศในอาเซียนและเกาหลีใต้ มาประชุมร่วมกันเพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับประชาชน


 


          ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์


          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code