เด็กเสี่ยงภัยเหล้า จากครอบครัวนักดื่ม
ที่มา : เว็บไซต์ข่าวสด
ภาพประกอบ สสส.
อุบัติเหตุ ความรุนแรง ล่วงละเมิดทางเพศ หลายครั้งเริ่มต้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ ทุกภาคส่วนจึงพยายามรณรงค์ให้ลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์ โดยเฉพาะเมื่อน้ำเมาเข้าแทรกซึมอยู่ในชีวิตครอบครัวและคนใกล้ตัว จนส่งผลกระทบในระยะยาวโดยไม่รู้ตัวจาก "ภัยเหล้าที่เราไม่ได้ดื่ม"
ผลวิจัยตอกย้ำอันตราย 'เหล้ามือสอง' ทำร้ายเด็กเยาวชนไทย เผยครอบครัวขี้เหล้า รุนแรง วงจรอันตรายพบภาวะเสี่ยงเพิ่มกว่า 3.3 เท่า หวั่นเด็กโตขึ้นสร้างปัญหาสังคม ด้วยเหตุนี้สำนักงาน เครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก กระทรวงยุติธรรม ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดเวทีเสวนาหัวข้อ "สถานการณ์ความเสี่ยงของเด็กและเยาวชนไทยในครอบครัวนักดื่ม"
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กรมพินิจฯ เป็นหน่วยงานหลักมีนโยบายตามภารกิจ 3 ระยะ คือ ระยะต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งเป็นการติดตามดูแลช่วยเหลือเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำของเด็กและเยาวชน การดำเนินการระยะต้นน้ำ เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมจากเด็กและเยาวชน กรมพินิจฯ ยกระดับการบริการให้คำปรึกษาแนะนำแก่ประชาชน ครอบครัวของเด็กและเยาวชน รวมทั้ง เด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงด้านพฤติกรรม ให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมและไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ผ่านคลินิกให้คำปรึกษาเด็กและเยาวชนครอบครัวอบอุ่น ทั้ง 77 จังหวัด ขณะเดียวกัน ให้เร่งทำงานวิจัยร่วมกับศูนย์วิจัยปัญหาสุรา เพื่อให้เห็นสถานการณ์ปัญหาความเปราะบาง ความเสี่ยงของเด็กและเยาวชน ให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นถึงความเชื่อมโยงกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกมิติ โดยจะสำรวจจากเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานพินิจ เพื่อนำข้อมูลมาออกแบบการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น
น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีล่าสุด (2560) โดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่าเด็กและเยาวชน อายุ 15-24 ปี หรือกลุ่ม "นักดื่มหน้าใหม่" จำนวน 2,282,523 คน หรือร้อยละ 23.91 คิดเป็น 1 ใน 4 ของเยาวชนทั้งหมด ที่ระบุว่าดื่มสุราในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยนักดื่มประจำและนักดื่มหนักมีสัดส่วนลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (นักดื่มประจำข้อมูลปี 2557 จำนวน 703,885 คน ปี 2560 จำนวน 684,598 คน ส่วนนักดื่มหนัก ข้อมูลปี 2557 จำนวน 1,122,797 คน ปี 2560 จำนวน 1,005,462 คน
"หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อป้องกัน ในวันข้างหน้าประเทศไทยอาจมีเยาวชนที่เป็นนักดื่มประจำและนักดื่มหนักเพิ่มมากขึ้น ข้อสำคัญไทยยังขาดนโยบายเปลี่ยนแปลงมาตรการควบคุมการผลิตเบียร์เชิงอุตสาห กรรมภายในประเทศที่น่ากังวล และเป็นอุปสรรคต่อการลดจำนวนกลุ่มเยาวชนที่เป็นนักดื่มหน้าใหม่" น.ส.รุ่งอรุณกล่าว
พร้อมยกงานวิจัยเรื่องยุทธศาสตร์ลดการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็ก เคยสำรวจข้อมูลความสัมพันธ์ของการดื่มกับการ กระทำผิด พบว่าเด็กและเยาวชนเกือบครึ่ง ร้อยละ 40.8 มีการ กระทำความผิดภายใน 5 ชั่วโมง หลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างความถี่ในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับฐานความผิด มีความสัมพันธ์กับการกระทำความผิดฐานอาวุธและวัตถุระเบิดอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นเรื่องน่าดีใจที่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กหันมาสนใจในมาตรการป้องกันมากขึ้น
ด้าน ภญ.อรทัย วลีวงศ์ จากสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข นำเสนอผลงาน วิจัย ภัยเหล้าที่เราไม่ได้ดื่ม โดยระบุว่า งานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาผลกระทบของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์ต่อบุคคลรอบข้างผู้ดื่ม ในประเทศไทย (Thailand Alcohol's Harm to Others project) ซึ่งได้รับผลกระทบมือสองหรือผลกระทบด้านลบจากการดื่มในมิติต่างๆ ของคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน และเพื่อนร่วมงานของผู้ดื่ม รวมทั้งผลกระทบจากการดื่มของคนแปลกหน้าในสังคมต่อบุคคลอื่นที่อยู่รอบข้าง เก็บข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์ต่อหน้าในกลุ่มประชากรไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,695 คน ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร
ผลการศึกษาในส่วนผลกระทบมือสองของการดื่มแอลกอฮอล์ต่อเด็กและเยาวชน จากกลุ่มตัวอย่าง 937 คนที่มีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีภายใต้การดูแล พบว่า ร้อยละ 25 รายงานว่าเด็กในความดูแลของตนเคยได้รับผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์ของใครบางคนอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ เด็กที่ดูแลถูกดุด่าอย่างรุนแรงร้อยละ 7.4 เด็กที่ดูแลอยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว ร้อยละ 7.4 ที่ดูแลถูกทอดทิ้ง/ถูกปล่อยให้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ร้อยละ 3.5 หรือเด็กที่ดูแลถูกตี/ทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 1.7
นอกจากนี้ ยังพบว่า ร้อยละ 23% ของเด็กและเยาวชนที่อยู่ในครอบครัวไหนที่มีคนดื่มอย่างหนัก เด็กในครอบครัวนี้จะมีโอกาสได้รับผลกระทบมากขึ้นเป็น 3.3 เท่าของครอบครัวที่ไม่มีคนดื่มหนักในบ้านอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวถึงข้อมูลงานวิจัยซึ่งเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ครอบครัวที่มีนักดื่มนั้น การผลิตซ้ำซึ่งความรุนแรงจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว จนกว่าจะถึงจุดแตกหักในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีนัยยะไม่ต่างจากใบอนุญาตให้เด็กๆ ใช้มันต่อไปหรือผลิตซ้ำได้ งานวิจัยชิ้นนี้จึงมีความชอบธรรมที่จะนำไปสู่นโยบายในเชิงป้องกัน เชิงเยียวยาอย่างเป็นระบบ เช่น
1.พ่อแม่หรือครอบครัวที่เป็นนักดื่มต้องเข้าถึงการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ
2.การช่วยเหลือผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ต้องไม่เน้นการรักสถาบันครอบครัว แต่ต้องเน้นการปกป้องผู้ถูกกระทำ
3.องค์กรที่รับผิดชอบเยาวชนที่ผ่านความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นระดับถูกกระทำ ระดับรู้เห็นหรือประจักษ์พยาน ต้องไม่ซ้ำเติมหรือผลิตซ้ำความรุนแรงกับเยาวชนโดยเด็ดขาด ควรสื่อสารกับเยาวชนอย่างตรงไปตรงมาบนความเคารพในคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์