เชิด ‘หุ่นกระบอก’ เล่าตำนานพระนเรศ
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากสื่อสารสาธารณะเพื่อสังคมชาวเหนือ
เล่าประวัติศาสตร์ผ่าน การทำหุ่นกระบอก… ความเป็นไทยที่ผนวกกับวิถีสมัยใหม่
ต้นทุนความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่นิสิตชมรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เก็บเกี่ยวสะสมไว้ ทำให้พวกเขาเกิดความคิดที่จะต่อยอด เพื่อเผยแพร่ประวัติศาสตร์ให้บุคคลภายนอกเข้าใจอย่างง่ายๆ และกว้างขวางมากขึ้น จึงรวมตัวกันตั้ง "ทีมประวัติศาสตร์ความทรงจำที่มีชีวิต" เพื่อทำกิจกรรม "หุ่นกระบอกตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" อันเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการปฏิบัติการวัยรุ่นสร้างสุขภาวะ (สุขยกแก๊ง) ที่ได้รับ การสนับสนุนจากสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
กิตติศักดิ์ สีมูล ผู้ริเริ่มกิจกรรม เล่าถึงจุดเริ่มต้นของความคิดว่า มีโอกาสไปเข้าค่ายกับกลุ่มกิ่งก้านใบ และได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ จากหลายที่หลายสถาบัน เปรียบเสมือนขายฝันให้กันฟังและมองย้อนกลับมาหาตัวเองที่เรียนประวัติศาสตร์ สนใจทำกิจกรรมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาตลอด แต่ในสายตาของบุคคลอื่น ประวัติศาสตร์ กลับไม่ใช่เรื่องน่าสนใจ หากน่าเบื่อด้วยซ้ำ เพราะคนมองว่าประวัติศาสตร์คือ การท่องจำ ไม่มีสื่อ ส่งผลให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์น้อยลงเรื่อยๆ
เขาจึงเกิดแนวคิดอยากหาวิธีเผยแพร่ ประวัติศาสตร์ให้เป็นที่สนใจและยอมรับของคนทั่วไป จึงได้ปรึกษา ผศ.ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ผู้อำนวยการอารยธรรมศึกษาโขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร และหัวหน้าภาควิชาประวัติศาสตร์ กับ รุ่นพี่ที่ถนัดเกี่ยวกับการทำหัวโขน อันเป็น ที่มาของการตัดสินใจทำหุ่นกระบอก เพราะเห็นว่าเยาวชนบางคนยังไม่รู้จัก หุ่นกระบอก จึงยึดเอาความเด่นทางด้านการเชิดหุ่นกระบอก มาเป็นสิ่งจูงใจให้ ผู้ชมเข้าใจและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ มากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเรื่องราวที่น่าสนใจเข้าไปในการแสดงหุ่นกระบอก ขณะเดียวกันก็ผนวกความเป็นสมัยใหม่ เข้าไปด้วย เพื่อสร้างความตื่นเต้น เร้าใจให้กับผู้รับชม "ในการทำงานช่วงแรกค่อนข้างยาก เนื่องจากทำหุ่นกระบอกกันเอง จึงขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ปริญญาโทมาให้คำแนะนำในการสร้างหุ่นทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขึ้นออกแบบหน้าหุ่น ตัวหุ่น โครงหุ่น เกลาโฟม ทีมงานก็ช่วยกันทำ แต่ละคนจะใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวลงไป ในหุ่น อาจเป็นหน้าตา คิ้ว ปาก แม้จะไม่ใช่ตัวหลักอย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นแค่ทหารนักรบ ที่แต่งกายเหมือนกัน หากคนทำจะรู้ว่าได้สร้างตัวไหนไป" กิตติศักดิ์ อธิบาย
ส่วนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำหุ่น พยายามใช้สิ่งที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น เครื่องแต่งกาย มีการใช้ผ้าชนิดต่างๆ กับกระดาษที่มีสีสันเลื่อมระยับมาตัดแต่งให้สวยงาม เข้ากับลักษณะตัวละคร ตามที่ถอดความจากประวัติศาสตร์ ใช้ทั้งการเย็บด้วยมือ และแปะด้วยกาวใน บางจุด ช่วยให้ประหยัดรายจ่ายในการสร้างหุ่นได้ค่อนข้างมาก ทั้งนี้หลังจากสร้างหุ่นเสร็จแล้ว พวกเขาก็ต้องเรียนการเชิดหุ่น โดยมีรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย มาเป็นวิทยากรสอนในช่วงเย็น 17.00-18.00 น.ทุกวัน พยายามฝึกฝนจนสามารถแสดงโชว์ได้
วรวิทย์ ฤทธิ์เดช ประธานชมรมประวัติศาสตร์ และผู้ประสานงานทีมประวัติศาสตร์ความทรงจำที่มีชีวิต เล่าว่า ในการทำงานจะอาศัยความสามารถ ที่โดดเด่นของแต่ละคน เช่น หากมีน้องถนัดเรื่องคอสตูม ก็จะให้ดูแลด้าน เครื่องแต่งกายหุ่น บางคนถนัด พล็อตเรื่อง ก็ช่วยนิสิตรุ่นพี่ดูบท เน้นคงเรื่องราวเดิมไว้ แต่เพิ่มจุดเด่น
อย่างตอน "สุบินราชาหงสาพ่าย" ก็จะเพิ่มจระเข้เข้ามาในสุบินของสมเด็จพระนเรศวร มีการต่อสู้ฟาดฟันจนพระองค์ได้ชัยชนะ เป็นนัยว่าจระเข้คือพระมหาอุปราชแห่งกรุงหงสาวดี และสุดท้ายสมเด็จพระนเรศวรจะเอาชนะสงครามได้ พอนำออกแสดง เด็กๆ เห็นก็อยากรู้ สังเกตว่าเมื่อแสดงจบแล้วมีเด็กมาถามว่าตัวนี้คือใคร อย่างไร บางคนสนใจอยากทำหุ่นด้วย
"ทีมงาน 20 กว่าคน ทุกคนสามารถเชิดหุ่นได้ทุกตัว แม้ว่าปกติจะมีตัวเชิด อยู่แล้ว แต่ถ้าคนขาดก็สามารถทดแทนกันได้ทันที โดยบางคนอาจวนเชิด หลายรอบ ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังก็จะ คอยช่วยเตรียมหุ่นให้พร้อม จ่อคิวยื่นให้คนเชิดรับไปเชิดต่อ และบางครั้งรุ่นพี่ก็จะเปิดโอกาสให้รุ่นน้องขึ้นไปเชิดตัวหลักแทน ซึ่งไปแสดงแต่ละที่ก็จะเจออุปสรรคให้ช่วยกันแก้ไขเฉพาะหน้าแตกต่างกันไป ยิ่งผู้ชมเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์เคยเชิดหรือดูหุ่นกระบอกมาก่อน จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมก้าวเท้าไม่พร้อมกัน หรือไม่ตั้งฉากไว้แต่ให้คนถือแทน ภาพที่ออกมา จึงไม่สวยเหมือนหุ่นละครเล็ก หรือโขน ก็ต้องทำความเข้าใจว่าในบางสถานที่ค่อนข้างคับแคบ การก้าวออกไปพร้อมๆ กันทำได้ยาก และพื้นที่ตั้งฉากก็จำกัด เป็นต้น" วรวิทย์ กล่าว
เขาบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ สร้างความสุข ได้ 2 ระดับ คือตัวของคณะทำงาน มีความสุขในฐานะผู้ให้ นำความรู้ที่ได้จากการเรียนประวัติศาสตร์มาแปรเปลี่ยนเป็นบทละครที่บอกเล่าถึงวีรกรรมของวีรกษัตริย์ไทย ผ่านสื่อหุ่นกระบอก ส่วนระดับที่ 2 คือในส่วนของผู้รับ ได้อรรถรสในการชมและรับทราบเรื่องราวของ วีรกษัตริย์ผู้กล้าหาญ และมีคุณูปการ ต่อประเทศชาติ ขณะเดียวกันผู้ชม ที่เป็นเด็กประถม หรือเด็กอนุบาล ยังสามารถจับต้องอุปกรณ์บางชิ้น เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก ผ่านกระบวนการฝึกจับหุ่นที่มือ และชักหุ่นตามท่าทางต่างๆ ได้อีกด้วย ที่สร้างทั้งความภาคภูมิใจและความประทับใจให้กับทีมประวัติศาสตร์ความทรงจำที่มีชีวิต ก็คือการได้แสดงหุ่นกระบอกในเทศกาลหุ่นโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นการเผยแพร่ตำนานสมเด็จพระนเรศวรให้ชาวต่างประเทศรับรู้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นแล้ว ทุกคนยังได้ฝึกภาษา ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ท่ามกลางความแตกต่างของคนในสังคม รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนใหม่หลายประเทศ ถือเป็นกำไรชีวิต และประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง