เคล็ดลับการทำนาแบบขี้เกียจแต่ได้กำไร

ที่มา : แฟนเพจสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม


ภาพประกอบจากแฟนเพจสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม


เคล็ดลับการทำนาแบบขี้เกียจแต่ได้กำไร thaihealth


ชาวนาขี้เกียจจะปล่อยให้กลไกในนาทำหน้าที่ของมันเอง ไม่ต้องไปดูแลแปลงนาทุกวัน ไปเป็นรอบๆ ก็พอ ผลผลิตก็ขอแค่ 70-80 ถังต่อไร่ ไม่ต้องถึงไร่ละเกวียนเหมือนนาเคมีที่คาดหวัง เพราะใช้ยาฆ่าแมลง และปุ๋ย ฮอร์โมนแบบอินทรีย์ที่ผลิตเอง ทำให้ต้นทุนต่ำกว่านาเคมีมาก เงินก็จะเหลือมากกว่า


ประเสริฐ พุ่มพวง หรือ พี่จุก ยอมรับว่า เขาทำนาแบบขี้เกียจ เพราะไม่ต้องไปดูแลแปลงนาให้มากมาย บางคนเห็นข้าวไม่เขียว ก็รีบฉีดยา ยิ่งไปบำรุงให้ข้าวงามเท่าไหร่ แมลงก็ยิ่งมามากขึ้นเรื่อยๆ พอแมลงมาก็ต้องพ่นยาฆ่าแมลงอีก เสียเงินหลายรอบ ทำให้ต้นทุนสูง


พี่จุกแนะนำอีกว่า ต้องปล่อยให้ข้าวมีสีเขียวกลางๆ ไม่ต้องให้เขียวสดมาก เวลามีแมลงก็ใช้น้ำหมักสมุนไพรไล่ไป ไม่ต้องฆ่า เพราะถ้าใช้ยาฆ่าแมลงจะทำให้แมลงทุกชนิดตายหมด ซึ่งจริงๆ แล้วในแปลงนาจะมีแมลงที่เป็นทั้งศัตรูและเป็นมิตรกับต้นข้าว เช่น แมลงปอกินหนอน แมงมุมน้ำกินเพลี้ยกระโดด ซึ่งจะเป็นวงจรแมลงที่คอยดูแลนาข้าวโดยอัตโนมัติ


เคล็ดลับการทำนาแบบขี้เกียจแต่ได้กำไร thaihealth


ส่วน ขวัญชัย เอี่ยมสะอาด กล่าวว่า อาชีพหลักของครอบครัว คือ ธุรกิจขายปลาย่าง แต่เพราะความชื่นชอบธรรมชาติ และเห็นที่นาของพ่อตา จึงขอแบ่งมาทำเอง 2 ไร่ ใช้ทุน 20,000 บาท ขาดทุนทุกปี พอเข้าสู่ปีที่ 3-4 ก็หันมาทำแบบชีวภาพ ทำนา 15 ไร่ ก่อนทำเขาได้มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ คือทำนาก่อนผู้อื่น เพื่อไม่ให้ผลผลิตออกมาพร้อมกัน สุดท้ายได้ผลผลิต 13 ตัน ขายได้ตันละ 8,600 บาท ขณะที่คนอื่นขายทีหลังได้ 6,000 บาท


เคล็ดลับในการเพิ่มผลผลิตของขวัญชัย คือ ปุ๋ยมูลสัตว์อัดเม็ดจากมูลสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ สุกร 60% นกกระทา 30% และไส้เดือน 10% ซึ่งมูลสัตว์แต่ละชนิดจะมีแร่ธาตุสำคัญในการบำรุงดิน บำรุงต้นข้าว เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม ซัลเฟอร์ เป็นต้น จากนั้นเคล้ารวมกันใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง น้ำหมักฮอร์โมนต่างๆ ไป แล้วใช้เครื่องบดเป็นปุ๋ยอัดเม็ดแล้วไปตากแดด


“เราใช้ปุ๋ยหมักให้ผลดีเท่ากับปุ๋ยเคมี แต่ต้นทุนเราถูกกว่าเยอะ อย่างปุ๋ยเคมีตอนนี้กระสอบละประมาณ 500-600 บาท แล้ว แต่ปุ๋ยหมักเราใช้ต้นทุนเพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น” ขวัญชัย กล่าว


การทำนาแบบขี้เกียจของ “ประเสริฐ” และ “ขวัญชัย” สามารถลดต้นทุนการผลิตได้มากถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้มีกำไรเหลือ ประกอบกับการทำอาชีพเสริม มีรายได้จากหลายทาง ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น


ทั้งน้ำหมักชีวภาพและปุ๋ยชีวภาพ ปัจจุบันได้ถูกถ่ายทอดให้เพื่อนชาวนา ภายใต้โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวของเกษตรกรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของชุมชน ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งเปิดโอกาสให้ชาวจาก 10 ตำบล รวมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นประจำทุกเดือน เผยแพร่และสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ เป็นโครงข่ายให้เพื่อนเกษตรกร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน


เหตุนี้-หนึ่งในทางรอดของชาวนาไทยยุคปัจจุบัน คือลดต้นทุนการทำนาลงให้ได้ โดยทำนาแบบอินทรีย์ พึ่งพาสารเคมีให้น้อย ดังที่เกษตรกรชาวพระนครศรีอยุธยากลุ่มนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว

Shares:
QR Code :
QR Code