‘เครือข่ายละอ่อนน่าน’ พัฒนาเมืองน่าอยู่
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
โครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายเยาวชนจังหวัดน่าน ภายใต้โครงการพัฒนาองค์กรระดับจังหวัดเพื่อสร้างพลเมืองเพื่อประเทศไทยที่น่าอยู่ ซึ่งนับเป็นเครือข่ายขับเคลื่อนพลเมืองสร้างสรรค์ หรือ Thailand Active Citizen Network ได้จัดงานมหกรรมเยาวชน "พลังสร้างสรรค์ละอ่อนน่าน ฮักบ้านเกิด" ปีที่ 2 ณ ข่วงเมืองน่าน วัดภูมินทร์ อ.เมือง จ.น่าน
โครงการในครั้งนี้ดำเนินงานโดยมูลนิธิส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชน (วัดโป่งคำ) และศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดน่าน สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้นำเสนอโครงงานในการร่วมพัฒนาชุมชนให้ชาวน่านร่วมเรียนรู้
พระครูสุจิณนันทกิจ (พระอาจารย์สมคิด จารณธัมโม) ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชน (วัดโป่งคำ) กล่าวว่า อยากปลูกฝังสำนึกของคนรุ่นใหม่ เป็นคนต้นแบบของคนเมืองน่านให้เยาวชนได้มารู้มาเห็นว่าน่านวันนี้ ไม่เหมือนวันก่อนๆ ซึ่งโครงการนี้ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี มีแกนนำเยาวชน 86 คน ได้จัดทำ 13 โครงการ เรียนรู้ชุมชนน่าน ใน 8 อำเภอ มีประเด็นที่น่าสนใจ 3 ประเด็น คือ
1.ประเด็นการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เยาวชนหลายคนสะท้อนว่าบางครั้งก็น้อยใจ ที่มีคนบอกว่าเมืองน่านเป็นเมืองภูเขาหัวโล้น เยาวชนกำลังแสดงให้เห็นว่าพลังของเยาวชนจะทำให้ภูเขาหัวโล้นเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยสีเขียว
2.ประเด็นวัฒนธรรมประเพณี สืบสานวิถีวัฒนธรรมอันดีงามของความเป็นน่าน ซึ่งเป็นเมืองวัฒนธรรมที่มีชีวิต ถ้าไม่มีการส่งต่อวัฒนธรรม ไม่มีการปลูกฝัง ไม่มีการสืบทอด ก็กลัวว่าวันหนึ่งความเป็นน่านก็จะหายไป วันนี้จึงเห็นแล้วว่าพลังของเยาวชนได้มาสืบสานวัฒนธรรมความเป็นน่านได้
3.ประเด็นการจัดการขยะ ปัจจุบันมีคนข้างนอกเข้ามาอยู่เมืองน่าน หากไม่เร่งปลูกฝังสำนึกในเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีวินัย ก็เกรงว่าวันหนึ่งความเป็นน่านและความสดใสของเมืองน่านก็จะหมดไป เป็นการปลูกฝังให้น้องๆ เยาวชนได้เป็นต้นแบบ เป็นตัวอย่างให้กับสังคม ในการที่จะเสนอตัวว่าวันนี้เราพร้อมที่จะช่วยกันดูแล รักษา คุ้มครองเมืองน่าน ที่สำคัญพร้อมที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เมืองน่านของเราให้น่าอยู่ การสร้างเยาวชนกลุ่มนี้ทำให้เชื่อมั่นว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า จังหวัดน่านจะมีเยาวชนกลับมาเป็นกำลังสำคัญของเมืองน่านอย่างแน่นอน
นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวถึงการขยายผลว่า น่านถือเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดที่อยู่ในโครงการ Active Citizen ก็กำลังขับเคลื่อน "ความเชื่อ" นี้ ออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยมีเยาวชนทั้ง 13 โครงการเป็นตัวอย่างจากผลของการสร้างคน ความสำเร็จจาก 1 จังหวัด และเพิ่มมาอีก 3 จังหวัด เป็น 4 จังหวัดนั้น บอกได้ว่ากระบวนการสร้างชุมชนเข้มแข็งของเรามาถูกทางแล้ว นั่นคือ "การพัฒนาคน" เรามีโมเดล มีเครื่องมือ มีวิธีการในการพัฒนาพลเมืองรุ่นใหม่ให้มีสำนึกความเป็นพลเมือง มีกลุ่มคนที่มีทักษะในการทำงาน คำถามต่อไปคือนี่เป็นโอกาสที่ดีหรือไม่ ที่จะขยายแนวคิด วิธีการในการสร้างคนที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการพัฒนาคนไปยังจังหวัดอื่น ซึ่งคงเป็นคำถามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับมาคิดทบทวนว่าถ้าต้องการจะขยายออกไป จะทำอย่างไร
เยาวชนโครงการในปี 2 ร่วมสะท้อนการเรียนรู้ในปีนี้ ได้แก่ สามเณรศุภฤกษ์ กันทะกาลัง แกนนำเยาวชนโครงการสามเณรมัคคุเทศก์วัดพระธาตุแช่แห้ง เผยว่าตอนแรกก็รู้สึกแย่ เพราะประวัติของวัดยาวนาน แต่พอได้อ่านและศึกษา ก็เริ่มน่าสนใจ และชอบในที่สุด อยากให้ทุกคนที่มาวัด ได้รู้ประวัติความเป็นมาอย่างแท้จริง จะได้อนุรักษ์และรักษาวัฒนธรรม เพราะบางคนก็แค่มากราบไหว้พระ แต่ไม่รู้ความหมาย เมื่อรู้ประวัติความเป็นมา จึงเกิดความรู้สึกอยากอนุรักษ์ และส่งต่อให้ผู้อื่นได้รู้ด้วย
น.ส.จิรัชญา โลนันท์ เยาวชนแกนนำโครงการศึกษาเส้นทางธรรมชาติป่าชุมชนบ้านหัวนา สะท้อนการเรียนรู้ว่า ตอนเป็นเด็กได้เข้าไปเก็บเห็ดป่าและเล่นน้ำ ป่าจึงเปรียบเสมือนสวนสนุกของพวกเรา พอมาวันนี้พ่อแม่ไม่ได้สอนให้ลูกๆ เข้าป่า เด็กๆ ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรในป่า มีเห็ดอะไรที่กินได้ หน่อไม้อะไรกินได้ จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้เด็กๆ เข้าป่า จึงคิดทำโครงการขึ้นมาเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ให้เด็กในชุมชนและผู้สนใจเข้าไปสำรวจป่า กระแสภูเขาหัวโล้น ว่าคนน่านทำลายป่า พ่อแม่ ทำเกษตรเป็นผู้ทำลายป่าก็รู้สึกเสียใจ จึงขอเป็นตัวแทนของคนน่านที่จะบอกว่าเราไม่ได้เป็นผู้ทำลายป่า แต่เป็นผู้หนึ่งที่ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไว้เหมือนกัน
น.ส.จิราภา เทพจันตา แกนนำเยาวชนโครงการสืบสานศิลปะการฟ้อนรำไตลื้อและดนตรีพื้นบ้านเผยว่า ที่ผ่านมาสังเกตว่าเมื่อมีกิจกรรมงานไทลื้อประจำปี มีแต่คนรุ่นอายุ 40 กว่าขึ้นไปที่จะแต่งตัวไทลื้อ แต่คนส่วนมากแต่งชุดธรรมดาไปร่วมงาน ก็เลยไปถามเด็กๆ ว่าทำไมไม่แต่งชุดไทลื้อ น้องๆ บอกว่าไม่แต่งเพราะอาย ก็เลยมาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำโครงการ โดยลงไปเก็บข้อมูลทั้งท่ารำ ประวัติ การแต่งกาย ไปสอบถามจากผู้รู้ในหมู่บ้านทำให้รู้ว่าท่ารำที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากท่าทางการทอผ้าของผู้หญิงไทลื้อในอดีต ทำให้ได้เรียนรู้ความหมาย เมื่อก่อนเวลาฟ้อนก็ฟ้อนไปเรื่อย ไม่รู้ความหมาย แต่วันนี้ทำให้รู้ถึงความเป็นมาของท่ารำ ที่สอดแทรกวิถีชีวิตของชาวไทลื้อ รู้สึกภูมิใจในความเป็นไทลื้อ ทำให้รู้สึกรักศิลปะบ้านเรามากขึ้น
นายชัยวัฒน์ ธรรมไชย นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสา อ.เวียงสา จ.น่าน ซึ่งทำโครงการขยะทองคำ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นทำโครงการมาจากชีวิตประจำวันที่เห็นกองขยะอยู่ตามริมถนนในหมู่บ้าน จึงรวมกลุ่มกันเพื่อทำโครงการที่จะให้ความรู้กับประชาชนว่าสมควรเก็บขยะและทิ้งให้ถูกที่ โดยในช่วงแรกใช้วิธีพูดคุยแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ ดังนั้นจึงใช้วิธีขึ้นป้ายเตือนการทิ้งขยะให้ถูกที่ และร่วมมือกับผู้นำชุมชนเพื่อให้ความรู้กับประชาชนซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และ ต่อยอดนำขยะมารีไซเคิลได้ในหลายรูปแบบ
บทสรุปของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวาระสำคัญคือเยาวชนได้ส่งมอบคำมั่นสัญญา ว่าจะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ใหญ่ ใน 3 ประเด็นที่ได้เรียนรู้ โดยคาดหวังว่าจะถูกนำไปบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์เมืองน่าน..สำหรับ พ.ศ.2560 ยังมีโครงการในปีที่ 3 ท่านที่สนใจร่วมเรียนรู้ไปกับเด็กๆ ก็สามารถติดตามได้ที่ www.scbfoundation.com/เฟซบุ้ค : มูลนิธิส่งเสริมการเรียนรู้วัดโป่งคำ