เครือข่ายต้านเหล้าพบการเลี่ยงภาษีกว่า 45,000 ลัง

 

เครือข่ายต้านเหล้าพบการเลี่ยงภาษีกว่า 45,000 ลัง
 
กรมศุลกากร เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (31 ม.ค.) เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ กว่า50 คน นำโดย นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่าย เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร ผ่านทาง นางกรศิริพิณรัตน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ให้ตรวจสอบที่มาของค่าปรับกรณีที่บริษัทสุราต่างประเทศแห่งหนึ่ง ยื่นข้อเสนอยอมจ่าย1,534 ล้านบาท เพื่อขอจบคดี หลังจากที่มีการเลี่ยงภาษีเหล้ามากกว่า 45,000 ลัง โดยเครือข่ายเกรงว่าจะเกิดความไม่โปร่งใส
 
นายคำรณ กล่าวว่า จากการให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมศุลกากร ที่ระบุว่า ได้นำเรื่องดังกล่าวส่งให้สำนักกฎหมายตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ก่อนจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ของกรมศุลกากรพิจารณาระงับคดีตามที่บริษัทฯ เสนอ ภายใน 1 เดือน แต่ทั้งนี้บริษัทฯจะต้องจ่ายค่าภาษีส่วนที่ขาดให้ครบถ้วน เช่น ภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีมหาดไทย เป็นต้น จากนั้นจะต้องจ่ายค่าปรับอีกไม่เกิน 2 เท่า ของค่าอากรส่วนที่ขาด ซึ่งจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบปรับ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวทำให้เครือข่ายฯ เกิดความสับสน เนื่องจากข้อมูลไม่ตรงกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (dsi) ที่ชี้ว่า บริษัทต้องจ่ายค่าปรับสี่เท่าของมูลค่าสินค้าที่รวมค่าอากรแล้ว ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ทั้งนี้ เครือข่ายยอมรับว่า กังวลในข้อมูลที่ขัดแย้งกัน เพราะได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด รวมถึงความถูกต้องและความคุ้มค่า ที่ประเทศชาติจะได้รับจากการทำผิดกฎหมายของบริษัทสุราข้ามชาติรายนี้
 
เครือข่ายต้านเหล้าพบการเลี่ยงภาษีกว่า 45,000 ลัง
 
นายคำรณ กล่าวต่อว่า เพื่อให้เรื่องดังกล่าวเกิดความโปร่งใส เครือข่ายขอแสดงจุดยื่นและเรียกร้องเพื่อให้กรมศุลกากร นำไปพิจารณา 1.สร้างบรรทัดฐานใหม่ โดยการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่ควรยอมรับทำความตกลงระงับคดีตามข้อเสนอ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และอาจจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย และหมิ่นเหม่ต่อการถูกกล่าวหาถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังว่า ผลประโยชน์ที่แท้จริงตกอยู่กับใคร 2.หากกรมศุลกากรตัดสินใจที่จะยอมทำความตกลงระงับคดี ตามข้อเสนอของบริษัท และยืนยันที่จะดำเนินการตามคำชี้แจงของอธิบดี ที่ระบุว่าบริษัทผู้นำเข้าจะต้องจ่ายค่าภาษีที่ส่วนที่ขาดให้ครบถ้วนก่อน จากนั้นจะต้องจ่ายค่าปรับอีกไม่เกิน 2 เท่าของค่าอากรส่วนที่ขาด และกรมศุลกากรต้องชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ 3.ควรเร่งทบทวนปรับปรุงกฎหมายของศุลกากร เพราะกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันมีนานกว่า 84 ปี มีหลายประเด็นที่ไม่ทันสมัยและเป็นช่องว่างให้ผู้หลบเลี่ยงภาษีได้ใจ เพราะไปไม่ถึงโทษจำคุกทั้งๆ ที่กฎหมายกำหนดโทษไว้ด้วย โดยเฉพาะการให้อำนาจของอธิบดีในการจบคดี รวมถึงกรรมการเปรียบเทียบปรับที่ควรมีหน่วยงานกลางเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเพื่อความโปร่งใส และ 4. ขอเรียกร้องผ่านไปยังบริษัทดังกล่าวให้หยุดพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษี และขอให้แสดงความรับผิดชอบมากกว่าการยอมจ่ายเงินแล้วจบคดี ตลอดจนขอให้ยอมรับกฎหมายไทย เพราะกว่าสามปีที่ผ่านมาปรากฏชัดว่า มีการฝ่าฝืนพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ในหลายมาตรา
 
“ก่อนหน้านี้เครือข่ายฯ ได้เข้าพบดีเอสไอเพื่อติดตามเรื่องนี้ แต่ยังมีความเคลือบแคลงใจ โดยเฉพาะ โทษปรับและการดำเนินคดี เพราะคดีนี้ถือว่าบริษัทสุราข้ามชาติรายนี้ ทำการค้าโดยขาดธรรมาภิบาล ไม่มีความโปร่งใส แต่กลับไปประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคม” นายคำรณ กล่าว
 
 
 
 
 

ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย

Shares:
QR Code :
QR Code