เขยิบไปหน่อย… “คนพันธุ์ R” จะยืน
ในสายตาของประชาชนทั่วไป นักศึกษาอาชีวะคือ “เด็กมีปัญหา” ก่อกวนความสงบสุขของชาวบ้าน เดินผ่านไปทางไหนผู้คนจะแหวกทางให้เดิน ไม่มีใครอยากประสานสายตาหรือเสวนาด้วย เนื่องจากกลัว “ลูกหลง”ภาพความเป็น “นักเลงโต” ประทับอยู่ในใจของคนทั่วไป
“สิ่งประดิษฐ์หุ่นยนต์ 6 ล้อเพื่อคนพิการ” โดย วิทยาลัยการอาชีพนางรอง
ชาวอาชีวศึกษาคงไม่สามารถปฏิเสธภาพที่เกิดขึ้นได้ แต่อยากนำเสนอข้อมูลอีกแง่มุมหนึ่งของชาวอาชีวศึกษาให้ได้รับรู้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ชาวอาชีวศึกษาทั้งมวล
ท่านทราบไหมว่า … สถาบันอาชีวศึกษาในประเทศไทยมีทั้งหมด 800 กว่าแห่ง ที่มีปัญหายกพวกตีกันมีไม่ถึง 10 แห่ง หรือไม่ถึง 2% ของทั้งหมดเท่านั้น !!!แล้วท่านจะให้คนส่วนใหญ่รับผิดชอบการกระทำของคนส่วนน้อยหรือ
การนำเสนอผลงานในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โครงการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชนระดับอาชีวศึกษา ของสถาบันอาชีวศึกษาจำนวน 55 แห่ง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม 2555 ณ วิทยาลัยพณิชยการบึงพระ จ.พิษณุโลก สำหรับสถาบันที่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคม 2555 ณ วิทยาลัยเทคนิคประจวบคิรีขันธ์ จ.ประจวบคิรีขันธ์ สำหรับสถาบันที่อยู่ในเขตภาคกลางและภาคใต้ สะท้อนให้เห็นว่า เด็กอาชีวศึกษาไม่ใช่ “เด็กมีปัญหา” หากแต่เป็น “เด็กมีปัญญา”
รศ.ดร.จิราภรณ์ ศิริทวี ผู้ทรงคุณวุฒิ สสค.กล่าวว่า ในทั้ง 2 เวทีชาวอาชีวศึกษาได้แสดง “ศักยเพียบ” ให้สาธารณชนประจักษ์ 5 ประการ นั่นคือ มีความสามารถในการคิดนานาชนิด เช่น คิดวิเคราะห์ (critical thinking) คิดสังเคราะห์ (analytical thinking) คิดสร้างสรรค์ (creative thinking) ร่วมด้วยช่วยกันคิด (collaborative thinking) ผลงานที่นำเสนอแสดงให้เห็นว่า สถาบันการอาชีวะได้ปรับเปลี่ยนวิธีจัดการเรียนรู้จากการให้นักศึกษาทำงานตามใบงานมาเป็นให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมคิดและออกแบบการเรียนรู้กับครู
เป็นคนดีมีคุณธรรม มีสำนึกร่วมในส่วนรวม รู้จักคิดถึงคนอื่น ชาวอาชีวศึกษาได้ทำแล้ว และทำได้ดีด้วย โครงการหลายๆ โครงการได้แสดงให้เห็นความตระหนักในบทบาทนี้อย่างชัดเจน เช่น “เตาเผาขยะลดมลพิษประหยัดพลังงาน” โดย วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (สยามเทค) “เครื่องคัดแยกขนาดหอยแมลงภู่เพื่อชุมชน” โดย วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก “การพัฒนาเครื่องผ่าหมากเชิงธุรกิจชุมชน” โดย วิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช เป็นต้น นอกจากนั้นมหาอุทกภัยที่ผ่านมาได้พิสูจน์ความมีน้ำใจของชาวอาชีวศึกษาในข้อนี้เป็นอย่างดี
มีสุขภาพกายและจิตสมบูรณ์ ประการนี้ไม่มีปัญหาสำหรับชาวอาชีวศึกษา เนื่องจากมีกิจกรรมให้ต้อง “ใช้กำลัง” ในเชิงสร้างสรรค์เสมอๆ นักศึกษาอาชีวศึกษาเป็นกำลังสำคัญของชุมชนในการตกแต่งสถานที่ยามมีงาน ในงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งสองครั้งนี้ สาธารณชนได้เห็น “พลังบวก” ที่สื่อออกมาผ่าน “ความร่วมแรงแข็งขัน ร่วมกันทำความดี” ของชาวอาชีวศึกษาได้อย่างชัดเจน
“การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำยางพาราและเส้นใยไฟเบอร์กลาสมาใช้ในการรองรับกำลังของพื้นปูนซีเมนต์” โดยวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี
มีความสามารถในการทำงาน สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการทำงาน ทำให้ทำงานได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โครงการ “สื่อการเรียนรู้หุ่นยนต์เล็กผ่านกระบวนการ pbl” โดยวิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี “สิ่งประดิษฐ์หุ่นยนต์ 6 ล้อเพื่อคนพิการ” โดย วิทยาลัยการอาชีพนางรอง “การศึกษาความเป็นไปได้ในการนำยางพาราและเส้นใยไฟเบอร์กลาสมาใช้ในการรองรับกำลังของพื้นปูนซีเมนต์” โดยวิทยาลัยเทคนิคสุรนารี “พัฒนาทักษะการเรียนรู้งานเครื่องยนต์เล็กและจักรยานยนต์ด้วยกระบวนการอบรมเชิงปฏิบัติการและบริการชุมชน” โดยวิทยาลัยการอาชีพด่านซ้ายผลงานที่นำเสนอแสดงให้เห็นความเป็น “เจ้าแห่งเทคโนโลยี” ของชาวอาชีวศึกษาจริงๆ
มีความสามารถในการสื่อสารทั้งภาษาคนและภาษาเทคโนโลยี ประการนี้สำคัญมากๆ แม้จะติดขัดบ้างเพราะ “ตื่นเวที” แต่นักศึกษาอาชีวศึกษาได้แสดงศักยภาพความเป็นนักประชาสัมพันธ์ สามารถนำเสนอความคิดผ่านสิ่งประดิษฐ์ให้สาธารณชนรับทราบได้อย่างน่าประทับใจ
จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งสองเวที ชาวอาชีวศึกษาทั้ง 55 แห่งต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ที่มีส่วนร่วมขัดเงา “ตัวตนที่แท้จริง” ของชาวอาชีวศึกษาให้ปรากฏโดยจัดให้มี “เวทีแรก” สำหรับพวกเขาได้มี “พื้นที่” ยืนบนสังคมแห่งการเรียนรู้ ร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในปี 2558 ชาวอาชีวศึกษาขอโอกาสสังคมและสถาบันการศึกษาระดับอื่นๆ ที่จะเขยิบพื้นที่ให้ชาวอาชีวศึกษาได้ยืนเคียงคู่จับมือกันนำประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสง่างาม
เรื่องโดย: รศ.ดร.จิราภรณ์ ศิริทวี
ที่มา: สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน