เก็บตกนาทีอิ่มบุญ สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี
ผ่านพ้นไปแล้วกับกิจกรรมดีๆ เริ่มต้นดี ชีวิตดี กับการสวดมนต์ข้ามปี ที่ท้องสนามหลวง ที่เป็นความร่วมมือร่วมใจระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กทม. มหาเถรสมาคม และภาคีเครือข่ายกว่า ๓๐ องค์กรร่วมกันจัดขึ้น นับได้ว่าเป็นการจัดงานสวดมนต์ข้ามปีครั้งที่ ๒ และครั้งแรกกับที่สนามหลวงที่ยิ่งใหญ่ สุดอลังการ เพราะมีผู้คนจำนวนนับแสนพร้อมใจแต่งกายด้วยชุดขาวและเสื้อผ้าสุภาพมาด้วยใจและกายเต็มเปี่ยมไปด้วยการตั้งมั่นแห่งการทำดี เนรมิตให้พื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นดินแดนแห่งความงดงามทางบุญ
งานนี้นอกจากจะเป็นการเริ่มต้นดีให้กับชีวิตแล้ว สองสิ่งหลักสำคัญคือการทำเพื่ออธิษฐานจิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา เนื่องในโอกาสมหามงคลขึ้นปีใหม่ และในโอกาสมหามงคลฉลองสัมพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย
แม้กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา ๑๙.๐๐ น.ที่เป็นการเปิดงานโดยพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานพิธีฝ่ายบรรพชิต พร้อมด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นประธานในพิธีเปิดก็ตาม แต่ประชาชนจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงวัน แม้จะมาด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจากแสงแดดก็ตาม แต่ประชาชนชาวคาราวานบุญต่างเข้าสักการะกราบขอพรพระพุทธนวราชบิตร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพฯ พร้อมประพรมน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดดังกว่า ๔๐ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นพระธรรมเจดีย์ จากวัดกัลยาณมิตร, พระธรรมสิทธินายก จากวัดจันทาราม เป็นต้น
ป้าตอง พูนพงศ์พิพัฒน์ อายุ ๗๐ ปี มาในชุดนุ่งขาวห่มขาว ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกับเพื่อนอีกหนึ่งคน บอกเล่าให้เราฟังว่า ตั้งใจมั่นอย่างมากต่อการมาร่วมสวดมนต์ข้ามปีที่ท้องสนามหลวง หลังจากรับข่าวจากทางสื่อโทรทัศน์ จึงชักชวนเพื่อนสนิทมาร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ แบบนี้ โดยป้าตองบอกว่า เชื่อมั่นอย่างยิ่งต่ออานิสงส์ของการสวดมนต์เพราะตนเองป่วยมานานร่วม ๗ ปี ไปหาหมอก็ไม่หาย แต่พอปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิและสวดมนต์ทำให้ร่างกายแข็งแรงดีขึ้น จึงยึดมั่นต่อการเป็นพุทธศาสนิกชนเรื่อยมา
“ที่จมูกป้ามันเป็นเหมือนหูด แล้วก็ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ เป็นมา ๗ ปีแล้ว ไปรักษากับหมอเขาก็จะให้ผ่าตัดอย่างเดียว ป้าก็ลองธิษฐานหันหน้าเข้าปฏิบัติธรรม งดอาหารสัตว์ปีก ก็เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น เกิดความสบายใจ โรคภัยก็ไม่ค่อยมี ป้าจึง เชื่อว่าอานิสงส์จากการสวดมนต์ ๑๐๐%ช่วยทำให้ป้ามีสุขภาพที่ดีขึ้น”ป้าตองเล่าอย่างใบหน้าที่อิ่มบุญ
ด้าน ด.ญ.กณิดา มนต์ทอง อายุ ๑๓ ปี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสุวรรณภูมิ หรือน้องดี ควงแขนมาพร้อมกับคุณแม่สุภิดา ด้วยชุดขาวทั้งคู่ บอกเล่าว่า ปกติตนจะเป็นคนที่ชอบปฏิบัติธรรม สวดมนต์ทุกคืนก่อนนอน และหากมีเวลาหลังเลิกเรียนก็จะนั่งในห้องพระ สวดมนต์พร้อมกับคุณแม่ เพราะทำให้รู้สึกดี มีจิตที่เป็นสมาธิ และยังส่งผลให้การเรียนดีขึ้น เพราะทำให้เรามีสติและสมาธิในการจดจำ แม้แรกๆ อาจจะรู้สึกเบื่อบ้าง แต่พอทำไปนานเข้าก็เกิดความเคยชินและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
“คุณแม่ชวนมาร่วมสวดมนต์ค่ะ เพราะปกติพอมีเวลาว่างก็จะสวดพร้อมกับแม่ หลังเลิกเรียน ชอบสวดมนต์ คุณแม่จะพาทำแต่เด็กจนเป็นความเคยชิน พอเราได้ทำแล้วก็รู้สึกดีในการทำสมาธิ มีสมาธิเวลาเรียนหนังสือ สวดครั้งหนึ่งก็ประมาณครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาหลังเลิกเรียนหรือวันที่ไม่ได้เรียนพิเศษ ก็อยากให้ทุกคนฝึกกันเยอะๆ แม้แรกๆ จะรู้สึกอึดอัดมาก โดยเฉพาะนั่งสมาธิ นั่งนานๆ ก็จะเมื่อย มีแอบขี้เกียจบ้าง แต่พอทำบ่อยเข้า ก็เกิดเป็นความเคยชินจนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต หากวันไหนไม่มีเวลาจะนั่งสวดมนต์ก็จะเน้นการสวดก่อนนอนในทุกคืน”น้องดีกล่าว
ด้านคุณแม่สุภิดา เสริมว่า ปกติแล้วครอบครัวจะกินเจเป็นประจำ และกินต่อเนื่องมาร่วม ๒๐ ปีแล้ว เพราะเชื่อว่าการทำดีจะส่งผลดีต่อชีวิต และด้วยอานิสงส์นี้ส่งผลให้ร่างกายของตนที่มักเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งเริ่มดีขึ้น เพราะสุขภาพใจเราดีก็ส่งผลให้ร่างกายดีตามไปด้วย
หันมาที่หนุ่มน้อยวัย ๒๐ ปี อย่างนายธีรพงษ์ ประดับวงษ์ หรือน้องแนน ที่เดิมเป็นคนไม่ค่อยเข้าวัดฟังธรรม แต่เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา น้องแนนบอกว่าชีวิตไม่ค่อยราบรื่น พบเจออุปสรรคอย่างมาก จึงลองใช้เวลาข้ามคืนก้าวสู่ปีใหม่นี้ จากเดิมที่เคยไปเที่ยวผับ บาร์หรือเคาท์ดาวน์ตามสถานที่ดังมาเป็นการสวดมนต์ เพราะหวังว่าการเริ่มต้นดีให้กับชีวิตในปีใหม่จะช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายๆ ที่ตนเองประสบมาให้หายไป
“ผมรู้สึกว่าปีที่แล้วผมเจอแต่เรื่องไม่ดีเยอะ ปีนี้ก็เลยมากับอา อยากลองดูครับ เพราะที่ผ่านๆมา ผมก็ไปเที่ยวกินเหล้ากับเพื่อนตามผับ บาร์ เลยอยากลองใช้ปีนี้เสริมสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตดู เผื่อจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น และคิดว่าทำแล้วมันอิ่มใจ ปีหน้าถ้าจัดอีกผมก็ว่าจะมาอีกครับ” น้องแนนบอก
และเมื่อใกล้ถึงเวลาสำคัญ ทุกคนเริ่มลงทะเบียนรับหนังสือสวดมนต์และต่างจับจองเลือกสรรพื้นที่ท้องสนามหลวงกันแล้ว จนเวลาประมาณ ๕ ทุ่ม ๔๕ นาที จึงเริ่มกล่าวสวดมนต์ข้ามปี พร้อมมีการเปิดวีทีอาร์นำเข้าการสวดมนต์ โดยพระสงฆ์ รวม ๓๒ รูป นำประชาชนเจริญพระพุทธมนต์
และหลังสิ้นเสียงธรรมที่ทุกคนพร้อมใจกล่าวตามบทสวดมนต์ที่ดังสนั่นไปด้วยเสียงพาบุญพร้อมกันทั่วท้องสนามหลวงจบลง ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกอิ่มบุญและอิ่มใจที่ได้ร่วมทำดีๆ กับชีวิต เพราะด้วยความเชื่อมั่นว่า เริ่มต้นดี ชีวิตดี ในปีใหม่ จะเป็นการก่อร่างสร้างทางให้ตนเองยึดหลักมั่นเดินในทางธรรม นำมาด้วยสติและปัญญา พร้อมกับอานิสงส์ดีต่อชีวิตต่อไป
เรื่องโดย : สุนันทา สุขสุมิตร Team content www.thaihealth.or.th