อึ้ง! 30 ปีคนไทยกินน้ำตาลเพิ่ม 3 เท่า

 

วิจัยพบ 30 ปี คนไทยกินน้ำตาลเพิ่มขึ้น 3 เท่า ครองแชมป์บริโภคน้ำตาลในกลุ่มอาเซียน สรรพสามิตเสนอขึ้นภาษีน้ำตาล หวังเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่ทำลายสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคอ้วน ชี้อาจเกิดผลกระทบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร แนะสร้างมาตรฐานตรวจสอบคุณภาพและปริมาณน้ำตาลช่วยคิดคำนวณอัตราเก็บภาษี

ดร.บัญชร ส่งสัมพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญจากกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง กล่าวในการประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 1 แผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ “การจัดการปัญหาพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ว่า การหันมาใช้นโยบายเพิ่มภาษีในสินค้าที่ไร้คุณค่าทางโภชนาการ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคอาหารที่ไม่มีคุณค่า โดยเฉพาะสินค้าประเภทน้ำตาล ซึ่งถือเป็นอาหารที่ไม่มีความจำเป็นต่อร่างกายและยังเป็นส่วนผสมสำคัญของน้ำอัดลม ชา และกาแฟ ซึ่งมีส่วนทำลายสุขภาพและเป็นบ่อเกิดที่สำคัญของโรคอ้วน อย่างไรก็ตาม หากมีการออกกฏหมายเพิ่มภาษีน้ำตาลที่เป็นรูปธรรม ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารอาจจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากน้ำตาลมีส่วนผสมอยู่ในอาหารเกือบทุกประเภท ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องสร้างมาตรฐานในการตรวจสอบคุณภาพของน้ำตาล และปริมาณของน้ำตาล เพื่อนำมาช่วยในการคิดคำนวนอัตราการเก็บภาษีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายด้วย

ด้าน ท.พญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ นักวิจัยเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน กล่าวว่า มาตรการการเก็บภาษีน้ำตาล การเพิ่มภาษีต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เนื่องจากเป็นนโยบายที่มีความเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลกระทบต่อบุคคลหลายฝ่าย แต่หากมาตรการเพิ่มภาษีสามารถทำได้จริง การบริโภคน้ำตาลของประชาชนก็จะลดลงและมีส่วนช่วยในการลดภาวะโรคอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการวิจัยที่พบว่า กว่า 30 ที่ผ่านมา คนไทยบริโภคน้ำตาลเพิ่มเป็น 3 เท่า และจากการเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ ประเทศไทยเป็นผู้บริโภคน้ำตาลสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากโรคอ้วนแล้ว น้ำตาลยังเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคหัวใจ เช่น หัวใจวายมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ หากมีการขึ้นภาษีน้ำตาลก็ต้องนำออกจากบัญชีสินค้าควบคุม และมีการคำนวณอัตราภาษี ซึ่งควรพิจารณาจากปริมาณความหวาน และควรบังคับใช้กับเครื่องดื่มทั้งหมด ที่มีการเติมน้ำตาลไปพร้อมกับการเพิ่มทางเลือกในเครื่องดื่มอื่นๆ ให้แก่ผู้บริโภคด้วย

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ astv ผู้จัดการ

Shares:
QR Code :
QR Code