อาหาร 5 หมู่ ตัวช่วยบำรุงสมอง
เรื่องโดย : ปิยวรรณ นาทุ่งนุ้ย team content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
อาหารมีความจำเป็นต่อร่างกาย ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกายตรงตามหลักโภชนาการ การเลือกกินอาหารที่ดีจะช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมอง ถ้าได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จะทำให้มีความจำที่ดีอยู่เสมอ
การบำรุงสมองที่ดี ต้องทำอย่างไร ?
อาจารย์แววตา เอกชาวนา นักโภชนาด้านอาหารเพื่อสุขภาพ กล่าวว่าการบำรุงสมองที่ดี คือการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสมองและความจำดีอย่างต่อเนื่อง อาหารเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงสมอง สมองไม่ชอบอาหารที่รสชาติเค็ม เพราะจะทำให้สมองทำงานหนัก และยังส่งผลให้ร่างกายมีความดันโลหิตสูง นอกจากนี้เครื่องดื่มประเภทคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เป็นสิ่งที่สมองไม่ชอบด้วยเช่นกัน นอกจากทำให้สมองทำงานหนักแล้ว ยังไปขัดขวางการดูดซึมของร่างกาย และขัดขวางสารที่จะขึ้นไปเลี้ยงสมองอีกด้วย
อาหารที่กินแล้วบำรุงสมอง และดีต่อร่างกายที่สุดคืออาหารหลัก 5 หมู่
1.ประเภทคาร์โบไฮเดรต ข้าว แป้ง น้ำตาล โดยสมองต้องได้รับสารอาหารที่ดีตั้งแต่ตอนเช้า เพราะเป็นสารอาหารที่เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญต่อร่างกาย อาหารมื้อแรกจึงต้องมีคาร์โบไฮเดรตที่ดี ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต นั่นคืออาหารของสมอง แต่ถ้าไม่ได้กินข้าว เผือก มัน ฟักทอง ข้าวโพด ก็เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสมองได้ด้วยเช่นกัน
2. ประเภทโปรตีน มีความจำเป็นต่อสมอง ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โปรตีนเป็นสารอาหาร ที่ให้พลังงาน โปรตีน 1 กรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี แต่ต้องเลือกกินในปริมาณที่พอเหมาะต่อร่างกาย และกินโปรตีนที่มีประโยชน์ ถ้าเลือกโปรตีนชนิดที่ไม่ดี ชนิดที่มีไขมันสูง เช่น หนังไก่ มันเนื้อสัตว์ จะส่งผลให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอลสูงหรือไขมันมากเกินไป จนเกิดเป็นโรคได้ง่าย และยังมีโปรตีนที่หาได้ง่ายและมีประโยชน์ต่อสมอง นั่นคือไข่ไก่ เพราะเลซิตินที่มีประโยชน์ต่อสมองมีมากในไข่แดง คนทุกวัยควรจะกินไข่ไก่ วันละ 1 ฟอง ถ้าเป็นเด็ก วันละ 1-2 ฟอง คนที่ตั้งครรภ์กินอย่างน้อย 1-2 ฟอง แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่กินไข่แดงแค่ 1 ฟอง นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัตว์ไม่ติดหนังไม่ติดมัน เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว แต่ต้องเลือกส่วนสันใน หรือสันนอก
3.ประเภทไขมัน ต้องเป็นไขมันดี อย่างไขมันจากปลา ไขมันจะแทรกตัวอยู่ใต้หนังปลาแต่ต้องเป็นปลาทะเลน้ำลึก ควรกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ขนาด 2-3 ขีดต่อสัปดาห์ เช่น ปลาทู ปลาช่อน แต่ต้องไม่นำไปทอด ถ้าทอดแล้วน้ำมันปลาหรือโอเมก้า 3 จะหายไป ซึ่งน้ำมันปลามีประโยชน์ต่อสมอง และอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มในเนื้อสัตว์แต่มีประโยชน์สูงนั้นคือถั่วเหลือง ต้องกินถั่วเหลืองเป็นประจำ เช่น เต้าหู้ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง จะมีประโยชน์ต่อสมอง ประเภทไขมันที่มาจากถั่ว ได้แก่ อัลมอลด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วต่างๆ ซึ่งจะมีไขมันเหมือนไขมันทั่วไป คือน้ำมันดีและน้ำมันไม่ดี จะต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ
4.ประเภทวิตามินจากพืชผักต่างๆ จะเป็นตัวช่วยเสริมสร้างการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ปกติ และช่วยต้านทานโรค จึงควรกินผักหลากหลายสี เช่น คะน้า พริกหวาน แครอท การกินผักทุกมื้อในแต่ละวัน ก็จะดีต่อหัวใจและสมอง
5.ประเภทวิตามินผลไม้ต่างๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้สมองเสื่อมช้า ซึ่งได้แก่วิตามิน C วิตามิน A ต้องกินผลไม้เป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 3 ขีด หรือมื้อละ 1 จานเล็กๆ ผลไม้มีหลากหลายชนิดแต่ต้องไม่เน้นผลไม้ที่หวานมากเกินไป เช่น ฝรั่ง มะละกอ แตงโม
นอกจากการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในทุกมื้อแล้ว การกินหวานมากเกินไปจะทำลายสุขภาพได้ด้วย เทคนิคง่ายๆ จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุภาพ (สสส.) แนะนำว่าถ้ากินของหวานหรือน้ำตาล ต้องจำกัดปริมาณการกินน้ำตาลในแต่ละวัน คือไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ถ้าเป็นเด็กต้องกินน้ำตาลไม่เกิน 4 ช้อนชา โดยสังเกตฉลากโภชนาการที่เขียนไว้และคำนวณปริมาณของน้ำตาล และเน้นการกินผักผลไม้ให้ได้อย่างน้อย 400 กรัมต่อวัน
และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการออกกำลังกาย การออกกำลังกายจะช่วยให้สารเอ็นดอร์ฟินหรือสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลาย ความจำดีขึ้นด้วย และที่สำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
“สมองเป็นศูนย์รวมทุกอย่างในการสั่งร่างกายของเรา สมองจะมี 2 ซีก ซีกซ้ายและซีกขวา การดูแลร่างกายตั้งแต่การออกกำลังกาย และการกินอาหารที่ดี จะทำให้สมองไม่เสื่อมเร็ว แต่ถ้าหากเราไม่ดูแลสมอง โดยการกินของที่สมองไม่ชอบ และทำลายสมองได้ง่าย เช่น อาหารเค็ม อาหารมัน สูบบุหรี่ กินเหล้า สมองของเราก็จะเสื่อมเร็ว จนเกิดเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้พิการได้ ถ้าไม่พิการก็ทำให้ความทรงจำของเราเสื่อมก่อนวัย ถ้าหากเริ่มต้นดูแลสมองในวันนี้สมองของเราก็จะมีอายุที่ยืนยาว” อาจารย์แววตา กล่าวทิ้งท้าย
รู้แบบนี้แล้วมาดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ โดยเริ่มจากการกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งทุกคนก็สามารถทำได้