อันตรายฉลองดื่มหนักหลัง ‘ออกพรรษา’
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
ภาพประกอบจากเว็บไซต์ MGR Online
'มูลนิธิเมาไม่ขับ' เตือนอันตรายจากการฉลองดื่มหนักหลัง 'ออกพรรษา'
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมให้กำลังใจคนงดเหล้าครบพรรษา โดยนำเหยื่อเมาแล้วขับ ผู้พิการนั่งวิลแชร์ และผู้ได้รับผลกระทบฯ กว่า 50 ชีวิต จัดกิจกรรม "ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน" ช่วยกันทำของที่ระลึกเพื่อมอบเป็นกำลังใจให้คนที่อยู่ระหว่างรักษาอาการติดเหล้าและคนที่อยู่ระหว่างงดเหล้าให้ครบพรรษา ภายในงานยังมีการยืนไว้อาลัย "น้องอิงฟ้า" อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตจากคนเมาแล้วขับ ที่จังหวัดระยอง และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว โดยมอบเงินผ่าน น.ส.ภัทราวรรณ ศิริชนม์ แม่ของน้องอิงฟ้า ซึ่งมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย
นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เพื่อต้องการให้กำลังใจคนที่งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้าย จึงอยากให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่แตะต้องน้ำเมาแล้วจะทำให้เราหนักแน่นขึ้น แต่สิ่งที่น่าหนักใจและเป็นข่าวทุกๆ ปี คือ การดื่มฉลองหลังงดเหล้าครบพรรษาอย่างหนัก จนทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต และเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้น ทำให้สิ่งที่อุตสาห์พิสูจน์ตัวเองมาตลอดสามเดือนกลับต้องไปอยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยงอีก ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าช่วงเทศกาลเข้าพรรษาช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากถึง 15 – 20% ดังนั้น การฉลองงดเหล้าครบพรรษาขอให้มีสติไม่ควรใช้วิธีดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ควรใช้โอกาสนี้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทำสิ่งดีๆ เพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารัก
"ความสูญเสียจากน้ำเมา ยังคงเป็นประเด็นที่รุนแรงและเกิดเหตุขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน กรณีล่าสุดเหตุเกิดกับน้องอิงฟ้า อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตในขณะที่คุณยายได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจกับผู้คนในสังคมอย่างมาก จะต้องมีครอบครัวและใครอีกกี่รายที่ต้องสูญเสียจากคนเมาแล้วขับ ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และวันนี้เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันระดมทุนและรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องด้วย ทั้งนี้ทางเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน ได้เตรียมให้การช่วยเหลือในทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ประเด็นสำคัญคือ เราจะยอมรับให้ปัญหาเมาแล้วขับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจนชาชินแบบนี้หรือ ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้น เพียงพอในการรับมือกับพฤติกรรมแห่งความสูญเสียนี้ ควรมีกฎหมายเมาแล้วขับให้เป็นเรื่องของการเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต มิใช่แค่ประมาท หรือการจัดตั้งศาลจราจรก็ควรจะเกิดขึ้นในประเทศนี้เสียที และควรทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ด้วย" นายสุรสิทธิ์ กล่าว
นายแสงเดือน สุรเดช อายุ 47 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตนเหมือนตายทั้งเป็น เพราะถูกคนเมาขับรถเทเลอร์มาชนระหว่างที่กำลังขับรถไปทำงาน จนทำให้กระดูกก้านคอหัก แพทย์ช่วยชีวิตและรักษาด้วยการเอากระดูกตรงสะโพกมาดามไว้ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว ไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ช่วงคอลงมา ส่วนคู่กรณีไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้เพราะไม่มีพยานหลักฐาน มีเพียงตำรวจตามจับไว้ได้ว่าเมาแล้วขับ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายเมาแล้วขับด้วยซ้ำ ส่วนเงินประกันที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อการรักษา ปัจจุบันตนต้องไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อเปลี่ยนสายปัสสาวะทุกเดือน บางครั้งก็เป็นแผลติดเชื้อ สภาพตอนนี้กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงมีแผลกดทับ
"ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคนเมาขับรถชน ชีวิตก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่พ่อแม่ อีกทั้งยังต้องเลิกลากับภรรยาไม่ได้เจอหน้าลูก ตอนนี้ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อมารักษาตัวเอง ทั้งค่ายา ค่าอาหาร โชคยังดีที่ได้ทำงานเป็นดีเจภาคประชาสังคมผู้พิการ ของโทรทัศน์ไทยพีบีเอสและช่วยเหลืองานมูลนิธิเมาไม่ขับ อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่าคนที่ยังเมาแล้วขับต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีจิตสำนึกรับผิดชอบชีวิตผู้ร่วมทาง อย่าลืมว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้คนเปลี่ยนนิสัยขาดสติได้ และขอให้กำลังใจคนที่งดเหล้าครบพรรษา เพราะดีต่อทั้งสุขภาพ มีเงินเก็บ มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น" นายแสงเดือน กล่าว
ด้าน น.ส.ชนกนาค แก้วสะเทือน อายุ 51 ปี แม่ค้าตลาดหทัยมิตร กล่าวว่า ตนใช้ชีวิตแบบผิดๆ มากว่า 30 ปี คือ เริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ดื่มเรื่อยมาจนติด เหล้าป่าเหล้าสี ลองมาหมดช่วงท้ายติดเบียร์ ในตู้เย็นแทบไม่มีน้ำมีแต่เบียร์ เคยดื่มเบียร์วันละ 1 ลัง หรือบางวันก็มากกว่านั้น กระทั่งป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้องใส่น็อตที่คอ และต่อมไทรอยด์เป็นพิษ แม้อาการตอนนั้นจะหนักมากแต่ก็ยังไม่เลิกดื่ม ทรัพย์สินที่ดินกว่า 7 แสน ก็ขายมาซื้อเหล้าเที่ยวเตร่จนหมด ตอนที่ล้มป่วยหนักเพื่อนฝูงก็หายหน้า จนสุดท้ายถึงจุดต้องทบทวนถ้าไม่เลิกดื่มจะทำลายชีวิตไปกว่านี้ จนสามารถเอาชนะใจตัวเอง เริ่มต้นด้วยการงดเหล้าเข้าพรรษาซึ่งตอนนี้ก็ไม่แตะต้องมันอีกเลย
"หมอบอกว่ากระดูกเสื่อม ตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัว ต้องกินยาและพบแพทย์ตามนัด ตั้งแต่เลิกเหล้าร่างกายเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นมาก มีแรงทำงานเก็บเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะติดเหล้าป่านนี้คงมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ทุกวันนี้ยังเข้าสังคมเจอเพื่อนฝูง แต่เลือกที่จะไม่ดื่ม หันมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทน และพยายามชวนเพื่อนในตลาดเลิกเหล้าเพื่อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา อยากฝากว่า ชีวิตที่ผ่านมาเอาคืนไม่ได้ แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียน ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับคนที่งดเหล้าครบพรรษา ขอให้ตั้งใจงดดื่มหรือทำต่อเนื่องหลังจากออกพรรษาไปแล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา ส่วนตัวเองตั้งใจจะลาขาดจากน้ำเมาเสียที" น.ส.ชนกนาค กล่าว