อันตรายจากไฟฟ้าหน้าฝน! ป้องกันได้

/data/content/25398/cms/e_achklnoruxy6.jpg


          ช่วงนี้ฝนตกค่อนข้างมากและตกตลอด   และมักจะมีปัญหาเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับหน้าฝน   ตั้งแต่เรื่องของ สุขภาพ  อุบัติเหตุจากการเดินทาง หรือจากสัตว์ที่มีพิษ และโดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัว  นั่นคือ ไฟฟ้า  อย่างที่ทราบกันดีว่า ไฟฟ้ามีทั้งคุณและโทษ  แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้น  


         


         โดย รศ.นพ.พรพรหม  เมืองแมน ภาควิชาศัลยศาสตร์ Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายถึงอันตราย ข้อควรระวังต่างๆ รวมถึงวิธีในการปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกไฟดูดหรือไฟช๊อต ดังนี้


 


"สื่อ" หรือ "ฉนวน" คืออะไร


          สื่อนำไฟฟ้า คือ สิ่งที่เป็นทางเดินของไฟฟ้า เช่น เส้นลวด สายไฟ วัสดุที่เป็นโลหะ รวมไปถึงผิวหนังของคนเรา   เพราะในภาวะที่เปียกชื้นถือเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดีทีเดียว   รู้จักสื่อกันแล้วก็ควรรู้จักฉนวนไฟฟ้าด้วย  ฉนวนไฟฟ้า คือ วัสดุ วัตถุ สิ่งของที่ไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านได้ มักจะเป็นวัสดุแห้ง เช่น แผ่นยาง แผ่นไม้ พลาสติก  ผ้า  ฯลฯ


 


อุบัติเหตุใดเกิดอันตรายได้


          อุบัติเหตุที่เกิดจากไฟฟ้า  ที่พบบ่อยเกิดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีไฟรั่วและบริเวณนั้นมีน้ำท่วมชื้น ก็จะมีการลัดวงจรไฟฟ้าเกิดขึ้น นอกจากนี้อาจเกิดจาก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุด การถูกฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าจะทำอันตรายต่อการทำงานของหัวใจและสมอง  ทำให้คลื่นหัวใจเต้นผิดปกติเกิดหัวใจวายเฉียบพลันได้    ซึ่งเราพบไม่บ่อยนักในกรณีนี้เมื่อเทียบกับผู้ถูกไฟฟ้าดูด  ไฟฟ้าช็อต  แม้อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านจะมีกระแสไฟฟ้า  220  โวลต์   ซึ่งถือเป็นไฟฟ้าแรงต่ำ  แต่ถ้าผู้นั้นถูกไฟฟ้าดูดหรือช็อตเป็นเวลานาน  อาจทำให้เสียชีวิตได้   หรือขาดเลือดรุนแรงจนถึงกับสูญเสียอวัยวะหรือกลายเป็นผู้พิการในที่สุด 


 


การปฐมพยาบาลเบื้องต้น


          1. ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ถูกไฟดูด ไฟช๊อตให้เร็วที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องป้องกันอันตรายไฟฟ้าดูดจากผู้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือด้วย ซึ่งบ่อยครั้งพบว่าผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือกลับไม่ได้ระวังตรงจุดนี้จนถูกกระแสไฟฟ้าดูดเสียชีวิตไปด้วย 


          เมื่อพบแหล่งไฟฟ้ารั่ว ควรพยายามหาทางตัดวงจรไฟฟ้าเสียก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มักลืมตัดไฟฟ้าที่ลัดวงจร  หรือผู้ที่ถูกไฟฟ้าแรงสูงดูด และมีสายไฟพาดผ่านตัว   ต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวนไม่นำกระแสไฟฟ้า  เช่น  ไม้เขี่ย  หรือผ้า  เพื่อนำสายไฟนั้นให้พ้นจากตัวผู้ป่วยก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ  ไม่ควรใช้มือเปล่า หรือส่วนของร่างกายที่ไม่มีฉนวนหุ้มถูกต้องกับตัวผู้ป่วยหรือสายไฟ 


          นอกจากนี้ต้องพยายามตรวจดูให้ละเอียดว่าบาดแผลซึ่งเกิดร่วมกับผู้ป่วยที่ถูกไฟฟ้าดูด   เช่น อาจพลัดตกจากที่สูง  มีบาดเจ็บที่ศีรษะ หรือกระดูกส่วนต่าง ๆ หักหรือไม่ อย่าง กระดูกคอ กระดูกแขนขา หรือกระดูกสันหลัง เพราะหากไม่ระมัดระวังในจุดนี้และทำไม่ถูกต้องในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุ อาจทำให้เกิดความพิการอัมพาตตามมาได้


          2. ตรวจดูว่าหัวใจยังเต้นอยู่หรือไม่  เพราะกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ไหลผ่านหัวใจ อาจทำให้คลื่นหัวใจหยุดเต้นได้  โดยใช้นิ้วมือคลำดูจากการเต้นของชีพจรบริเวณคอ ถ้าหัวใจหยุดเต้น ต้องทำการนวดหัวใจไปพร้อม ๆ กับการผายปอด


          3. หลังจากช่วยเหลือผู้ป่วยออกมาได้แล้วให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด


 


ข้อห้ามที่ไม่ควรทำเมื่อช่วยเหลือ


          1. ห้ามเข้าไปช่วยผู้ถูกไฟฟ้าช๊อต จนกว่าจะแน่ใจได้ว่าผู้บาดเจ็บมิได้สัมผัสกับสายไฟฟ้าหรือตัวนำไฟฟ้าใด ๆ  ถ้าจำเป็น  ต้องหาวัสดุที่เป็นฉนวนไม่นำกระแสไฟฟ้า  เช่น  ไม้เขี่ย หรือผ้ามาเขี่ยสายไฟออกจากผู้บาดเจ็บก่อน


          2. ถ้าผิวหนังผู้ที่จะช่วยนั้นเปียกชื้น  ห้ามเข้าไปช่วยเพราะอาจเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าและถูกไฟฟ้าดูดได้ 


          3. ถ้าไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัยหรือไม่ในการเข้าไปช่วยเหลือ  เนื่องจากไม่มีความรู้ในการตัดกระแสวงจรไฟฟ้าหรือวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง   ให้รีบตามคนมาช่วย


 


ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด


          1. หมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์และสายไฟ  และควรซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด


          2. บริเวณที่วางสายไฟ   ไม่ควรให้สิ่งของที่หนักไปทับ และวางให้พ้นทางเดิน


          3. เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ควรจะเปียกน้ำ


          4. ห้ามซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเองโดยที่ไม่มีความรู้


          5. ไม่ควรใช้ไฟฟ้าหลายอย่างกับปลั๊กไฟตัวเดียว


          6. ต่อสายดินเพื่อจะให้ไฟลงดิน


          7. และควรติดตั้งเครื่องตัดไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยและเป็นการป้องกันที่ดี


         


        อันตรายจากไฟฟ้า  ป้องกันได้  และเมื่อเกิดเหตุร้ายจากไฟฟ้ากับคุณหรือคนใกล้เคียง  พยายามตั้งสติและปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น  อย่าลืมนะครับ “อันตรายจากไฟฟ้า ป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท”


 


 


          ที่มา : เว็บไซต์คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล


           ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code