‘ออกพรรษา’ ก็ ‘งดเหล้า’ ได้

ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์แนวหน้า


'ออกพรรษา' ก็ 'งดเหล้า' ได้ thaihealth


หลังดำเนินกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาล่าสุดโครงการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2561 ภายใต้สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีแนวคิด รวมพลังเครือข่าย ชวน ช่วย เชียร์ งดเหล้าครบพรรษา” โดยจัดกิจกรรม“พักตับ ปอดขยับ ตับพักผ่อน” ขึ้น ซึ่งใช้เป็นกิจกรรมการวิ่งพักตับขึ้นทุกภาค ใน 9 เส้นทาง 9 ภาค 9 วัฒนธรรม


โดยเริ่มจากภาคตะวันตก ซึ่งเป็นการดำเนินการจุดสตาร์ท เริ่มต้นที่ จ.ราชบุรี เป็นที่แรก ภายใต้ชื่องานว่า “วิ่งรอบสวนชวนพักตับ ปอดขยับ ตับพักผ่อน” จากนั้น เป็นเชียงราย ขอนแก่น ตราด สุรินทร์ ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ระนอง และสงขลา


นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการ สคล. ระบุจากสถิติพบว่า คนที่ตั้งใจงดเหล้าตลอดเวลา 3 เดือน จะกลับไปดื่มในระหว่างพรรษาในช่วงเดือนแรกประมาณ 40% สาเหตุสำคัญคือการเข้าสังคมกับเพื่อนงานต่างๆ และอยากดื่มเอง ดังนั้นกิจกรรมวิ่งพักตับจึงเป็นเสมือนการสร้างสังคมคนออกกำลังกาย นอกเหนือจากการเข้าสังคมแล้วมีการดื่มเหล้า แต่เปลี่ยนออกมาเป็นสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่มาออกกำลังกาย มีการซ้อม มีสนามแข่งขัน ทำให้เกิดแรงจูงใจ ที่จะไม่กลับไปดื่ม และหากสามารถลดได้ตลอดพรรษาแล้วสามารถที่จะเลือกไม่ดื่มได้ หรืออาจจะลดการดื่มลงอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นค่านิยมตนเองที่จะไม่ใช้ชีวิตเสี่ยงด้วยการดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไป


ผู้จัดการ สคล.ระบุด้วยว่า เกือบ 15% คือกลุ่มคนที่กำลังอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษาที่เขามีความตั้งใจไว้ในเวลา 3 เดือน ตัวเลขดังกล่าวนี้มีความน่าสนใจเพราะอาจจะมองว่าน้อย แต่สิ่งที่สำคัญคือ การเกิดกระแสรักสุขภาพที่ขยับขยายออกไป ทั้งในครอบครัวและในสังคมวงกว้าง ซึ่งจะเป็นการสร้าง และตอกย้ำ คุณค่าการรักษาสุขภาพและลดละเลิกปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ซึ่งจะเป็นส่วนหนุนสร้างเสริมในการจัดกิจกรรมต่อยอดที่หลากหลายต่อเนื่องในปีถัดๆ ไปด้วย


หากไล่เลียงจังหวัดที่รับไม้ต่อจากราชบุรี มีกิจกรรมวิ่งพักตับไปเรียบร้อยแล้วและเป็นสนามวิ่งสุดท้าย นั้นคือ จ.ชุมพร โดยหัวเรือใหญ่อย่าง นายเทิศศักดิ์ ขนอม นายก อบต.เขาค่าย อ.สวี ได้เล่าภาพบรรยากาศของการจัดกิจกรรมซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างคาดไม่ถึงว่า กิจกรรมนี้มีประชาชนมาร่วมงานจนเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ อาจเป็นเพราะทุกวันนี้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ขณะเดียวกันปัญหาสุขภาพนับเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยมากขึ้นเป็นลำดับ


“เรามีกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาเป็นฐานแล้วมาเสริมต่อ ซึ่งที่ผ่านมาทางเครือข่ายองค์กรงดเหล้าได้รณรงค์ทำงานต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้คนหันมาเห็นความสำคัญ และสร้างความตระหนัก เกิดจิตสำนึกที่เห็นว่า เรื่องของสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต เป็นพื้นฐานของทุกคนในการดำเนินชีวิต”


นายก อบต.เทิศศักดิ์ ได้เล่ากระบวนการทำงานในพื้นที่อย่างน่าสนใจว่า ขณะนี้พวกเขากำลังทำงานเพื่อผลักดันการสร้างเครือข่ายเพิ่ม โดยเน้นที่การสร้างบุคลากรเพื่อไปขับเคลื่อนกิจกรรม ให้ชาวบ้านเกิดจิตสำนึก ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรมวิทยากร ซึ่งวิทยากรที่ผ่านการอบรมของเครือข่ายฯ จะเป็นคนที่เข้าไปทำงานใกล้ชิดกับชาวบ้าน


พวกเขาจะทำหน้าที่ในการให้ความรู้ ข้อมูล เป็นวิทยากร ที่วัด ที่บ้าน ในชุมชน พูดคุยชาวบ้านในพื้นที่หาเพื่อน หามิตร หลังจากนั้นเมื่อมีคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมงดเหล้า เราก็จะมีทีมเสริม ทีมพี่เลี้ยงซึ่งเป็น อสม.ในพื้นที่รับช่วงเข้าดูแล ให้กำลังใจเพื่อลดเหล้า หรือ งดเหล้าทั้งชีวิตได้สำเร็จ สิ่งที่เราทำแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะในขต จ.ชุมพร ได้มีการขยายเครือข่าย ไปในระดับตำบล อำเภอ จังหวัดมีการสร้างเครือข่ายเลิกเหล้า เช่น ในต.เขาค่าย อ.สวี สามารถเลิกเหล้าได้อย่างถาวรเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 800 คน ขณะที่อีก 2 พันกว่าคน ในแต่ละชุมชนหรือ 80% ในพื้นที่เลิกเหล้าตลอดพรรษา ซึ่งเราเห็นพัฒนาการของชุมชนพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ที่เขาเข้าใจและเห็นถึงพิษภัยของแอลกอฮอล์จนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างตั้งใจในที่สุด


ด้าน สุชีพ พัฒน์ทอง ประชาคมงดเหล้า จ.ระนอง อธิบายว่า กิจกรรมวิ่งพักตับในพื้นที่ จ.ระนอง ถือเป็นสนามสุดท้ายของโครงการนี้มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ราชการ ประชาชน เด็กเยาวชน คนหัวใจเพชรงดเหล้าตลอดชีวิต คนหัวใจหินงดเหล้าเข้าพรรษา โดยประชาคมงดเหล้าทำหน้าที่เป็นหลักร่วมกับส่วนราชการ และสำนักงานกีฬาซึ่งเราใช้แนวคิดของเครือข่ายในการจัดกิจกรรม เข้าพรรษาส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ


สุชีพ อธิบายด้วยว่า บทบาทของเครือข่ายเกิดผลเป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจนคือ การเกิดพื้นที่สาธารณะปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ ขึ้นในจังหวัดระนอง ซึ่งนี้คือความมุ่งหมายของเครือข่ายฯ ที่นอกเหนือจากการปกป้องเด็กเยาวชน ปกป้องนักดื่มหน้าใหม่ และปกป้องสุขภาพของประชาชนพวกเขายังได้สร้าง ดูแล พื้นที่สาธารณะปลอดอบายมุขได้เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งกิจกรรมวิ่งพักตับพิชิตภูเขาหญ้า นี้พวกเขาตั้งใจดำเนินการต่อเนื่องในปีถัดไปร่วมกับการประสานหน่วยงานหลากหลายภาคส่วน ร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ


ผมมองว่ามันคือการจุดกระแสที่สำคัญ จากการทำงาน นอกจากเราจะเฝ้าระวัง ส่งสาร ข้อมูลปลอดเหล้าอยู่แล้ว แต่เราขยับจากฐานที่เราเกาะมั่นในพื้นที่มาต่อยอด สร้างกระแสยกระดับมาสู่ระดับนโยบายจังหวัดสู่ภาพรวม ซึ่งมันเกิดขึ้นจากพื้นที่ จากคนทำงาน ที่ร่วมกันสร้างเล็กๆ ก่อนแล้วขยับไปทีละสเต็ป ดึงข้าราชการในระดับท้องถิ่น นายอำเภอส่วนราชการที่ใกล้ชิดชาวบ้าน มาทำงานร่วมกัน ให้เขาเป็นแบบอย่างในการเลิกเหล้า บุคคลเหล่านี้เขาใกล้ชิดชาวบ้าน เขาเป็นแรงบันดาลใจ ที่ชาวบ้านเขาเห็น จับต้องได้ ให้เขาได้ดำเนินรอยตามและตั้งใจลด ละ เลิก อย่างมุ่งมั่นได้


“เดี๋ยวนี้มันเกิดเทรนใหม่ เชยมาก หากไม่ลดเหล้าเข้าพรรษา หากมีใคร หรือชาวบ้านชุมชนไหน นั่งกินเหล้าเปิดเผย เรียกกันว่าอายแย่เลย” สุชีพ กล่าวทิ้งท้าย

Shares:
QR Code :
QR Code