อย.เร่งขึ้นทะเบียนโรงงาน “เครื่องสำอาง”

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


อย.เร่งขึ้นทะเบียนโรงงาน


แฟ้มภาพ


อย.กำชับภูมิภาคเร่งตรวจสอบมาตรฐานและขึ้นทะเบียนโรงงานผลิต "เครื่องสำอาง" ให้เสร็จใน 3 เดือน หวังช่วยสกรีนคำขอจดแจ้งผลิตจากโรงงานเถื่อน เผยโทร.เช็กโรงงานผลิตให้ผู้ประกอบการจริงหรือไม่ ป้องกันสวมทะเบียนปลอม


หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าวร่วมกับ กสทช.ในการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ อย. 6 คนไปประจำที่ กสทช.เพื่อตรวจการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เกินจริงหรือหลอกลวง หากพบจะยื่นเลขาธิการ กสทช.สั่งระงับออกอากาศได้ทันที เพื่อให้การดำเนินการมีความรวดเร็วขึ้นท นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการ อย. ได้ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ถึงมาตรการในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพและการโฆษณาที่ผิดกฎหมายในส่วนของภูมิภาคว่าต้องดำเนินการอย่างไร และรับฟังความคิดเห็น


นพ.วันชัย กล่าวว่า ที่กำชับในส่วนภูมิภาคให้ดำเนินการก็คือ มาตรการของ อย.ที่จะเข้มในการเพิ่มประสิทธิภาพก่อนพิจารณาอนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพและหลังอนุญาต เพื่อป้องกันสินค้าผิดกฎหมายและการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง คือ 1.การขึ้นทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ (E-Submission) ไม่มีการให้ทะเบียนอัตโนมัติแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจกรองคำขออย่างละเอียด 2.การออกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งทางส่วนภูมิภาคต้องร่วมกันในการออกตรวจโรงงานว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อนำมาขึ้นทะเบียนเป็นโรงงานที่ได้มาตรฐานในระบบของ อย. ดังนั้น เมื่อมีการยื่นคำขอทางออนไลน์ จึงต้องยื่นว่าผลิตด้วยโรงงานที่อยู่ในระบบของ อย. หากไม่อยู่ในระบบก็จะมีการลงไปตรวจสอบโรงงานนั้นๆ หรือแม้จะยื่นว่าผลิตในโรงงานที่อยู่ในระบบของ อย.แต่ก็จะมีการเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปสอบถามโรงงานนั้นว่าผลิตให้ผู้ประกอบการรายนี้จริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการปลอมทะเบียนโรงงาน หรือไม่ได้ไปผลิตที่โรงงานนั้นจริง


"โรงงานผลิตเครื่องสำอางคาดว่ามีประมาณ 1-2 หมื่นแห่ง โดยการตรวจมาตรฐานโรงงานจะเริ่มตั้งแต่ มิ.ย. ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนคาดว่าจะแล้วเสร็จ ส่วนพื้นที่ที่มีโรงงานผลิตเครื่องสำอางมาก โดยเฉพาะพื้นที่ปริมณฑล เช่น สมุทรปราการ นครปฐม และปทุมธานี เป็นต้น ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ อย.จากส่วนกลางไปช่วยเหลือในการตรวจสอบ หรือหากจังหวัดไหนที่ตรวจแล้วทั้งหมดอาจไปช่วยเหลือจังหวัดที่ยังตรวจไม่แล้วเสร็จ" นพ.วันชัย กล่าว


นพ.วันชัย กล่าวว่า 3.การตรวจสอบโฆษณาก็ขอให้ทางภุมิภาคร่วมตรวจสอบด้วย หากพบก็แจ้งไปยัง กสทช.ภาคหรือจังหวัดได้ทันที เพราะมีการหารือระหว่าง อย.และ กสทช.ที่จะลดขั้นตอนให้ระงับการออกอากาศได้รวดเร็วขึ้น ผ่านอำนาจของเลขาธิการ กสทช. และ 4.การสร้างเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ซึ่งอยากให้ส่วนภูมิภาคร่วมกันสร้างเครือข่ายผ่านทางเครือข่าย อสม. หรือ อย.น้อย


นพ.วันชัย กล่าวว่า ในส่วนของโฆษณาที่เป็นโซเชียลมีเดียนั้น แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นอำนาจของ กสทช. ที่สามารถจัดการผู้กระทำความผิดได้ แต่ สธ.จะประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พิจารณาแนวทางที่จะดำเนินการผู้กระทำความผิด เพื่อจัดการกับผู้ที่โฆษณาในโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งก็ต้องหารือว่า จะสามารถนำ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาประกอบพิจารณาความผิดได้ด้วยหรือไม่ ส่วนการจัดการโฆษณาที่ดำเนินการผ่านโซเชียลมีเดียค่อนข้างมีความซับซ้อน เนื่องจากมี 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.มีฐานโฆษณาในประเทศไทยที่สามารถดำเนินการได้โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ และ 2. กลุ่มโฆษณาที่มีฐานดำเนินการในต่างประเทศ ซึ่งอาจดำเนินการจัดการได้ยาก โดย อย.มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขของกลุ่มเหล่านี้อยู่ จึงจะประสานทางกระทรวงดิจิทัลฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

Shares:
QR Code :
QR Code