อย่ารอจนสายเกินไป รู้จักโรคต้อหินก่อนตาบอดถาวร
ที่มา: นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา
เวลาพูดถึงโรคตา หลายคนมักจะนึกถึงต้อกระจกเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้วมีอีกโรคที่อันตรายไม่แพ้กันและทำให้ตาบอดได้แบบถาวร นั่นก็คือ “ต้อหิน” จุดที่น่ากลัวคือมันค่อย ๆ แย่งการมองเห็นไปโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว จนกว่าจะสายเกินไป การรู้จักโรคนี้และตรวจเช็กตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
1.ต้อหินคืออะไร
ต้อหินคือภาวะที่ความดันในลูกตาสูงกว่าปกติ จนไปกดเส้นประสาทตา ทำให้การมองเห็นค่อย ๆ แคบลง เหมือนมีม่านมาบังด้านข้าง ปัญหาคือเส้นประสาทตาเสียแล้วไม่ฟื้นกลับมาได้ จึงถูกเรียกว่าขโมยการมองเห็นแบบเงียบ ๆ เลยครับ
2.ใครบ้างที่มีความเสี่ยง
คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน หรือมีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง รวมถึงคนที่ใช้ยาสเตียรอยด์นาน ๆ และผู้ที่มีสายตาสั้นหรือยาวมากผิดปกติ ล้วนมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น แต่ที่น่ากลัวคือบางคนไม่มีปัจจัยเสี่ยงชัดเจนก็ยังเป็นได้ครับ
3. อาการของต้อหิน
ระยะแรกมักไม่รู้ตัวเพราะยังมองเห็นตรงกลางได้ปกติ แต่ขอบด้านข้างจะค่อย ๆ หายไป บางคนเริ่มมีอาการปวดตา ปวดหัว ตาแดง หรือมองเห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน อาจปวดตามาก ตาพร่า คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีครับ
4. ถ้าดูแลช้า จะเกิดอะไรขึ้น
ต้อหินไม่ได้หยุดอยู่กับที่ครับ มันจะทำลายเส้นประสาทตาไปเรื่อย ๆ จากที่มองไม่เห็นด้านข้าง ก็จะค่อย ๆ แคบเข้ามาเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงตรงกลาง และสุดท้ายอาจทำให้ตาบอดถาวร การรักษาไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเหมือนต้อกระจก แต่ช่วยชะลอไม่ให้แย่ลงครับ
5. วิธีการรักษาและดูแลตัวเอง
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรง เริ่มจากยาหยอดตาลดความดันตา บางคนอาจต้องใช้เลเซอร์หรือผ่าตัด แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องตรวจเจอให้เร็ว และหยอดยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น คุมเบาหวาน ความดัน และไขมัน เพราะทั้งหมดนี้มีผลต่อเส้นประสาทตาเหมือนกันครับ
ต้อหินไม่ใช่แค่โรคตาธรรมดา แต่เป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ ส่งผลต่อการมองเห็นไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ดีที่สุดคืออย่ารอให้มีอาการแล้วค่อยตรวจ แต่ควรตรวจตากับจักษุแพทย์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังอายุ 40 ปีขึ้นไปครับ การรู้เร็ว ป้องกันเร็ว จะช่วยรักษาการมองเห็นให้อยู่กับเราไปได้ยาวนานครับ หากใครมีคำถามคอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับ
