อย่าปล่อยให้ลูกเป็น “เด็กติดทีวี”
หลากหลายผลเสียจากการดูโทรทัศน์เป็นเวลานานๆ
ช่วงเวลา “ปิดเทอม” กลับมาสร้างความปวดหัวให้กับพ่อแม่ ของน้องๆ หนูๆ วัยเรียนอีกครั้ง เพราะต้องคิดว่า จะหากิจกรรมอะไรให้ลูกทำเพื่อให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะ ครอบครัวที่พ่อแม่ไปทำงานทั้งคู่ ต้องปล่อยให้รายการทีวีในโทรทัศน์เป็นฝ่ายเลี้ยงลูกแทน
แต่เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกเข้าข่าย “เด็กติดทีวี” ลองเอาวิธีนี้ไปสังเกตลูกเวลาดูโทรทัศน์ ว่ามีพฤติกรรมต่อไปนี้หรือไม่!!!!
ลูกของคุณจดจ่อกับการดูโทรทัศน์ทุกรายการจนไม่ยอมทำอย่างอื่นใช่ไหม เมื่อได้ดูแล้วจะไม่ยอมลุกไปไหนหรือใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์มากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวันหรือเปล่า? แล้วถ้าเมื่อไรไม่ให้ดูโทรทัศน์จะงอแง อารมณ์เสียหรือไม่? แล้วลูกของคุณชอบดูโทรทัศน์มากกว่าออกไปเล่นนอกบ้านหรือมีความสุขกับการกินและนั่งดูโทรทัศน์ไปด้วยใช่หรือเปล่า ที่สำคัญที่สุด ลูกของคุณมีพฤติกรรมเลียนแบบหรือเล่นรุนแรงเหมือนกับรายการที่ได้ดูจากโทรทัศน์ไหม? หากลูก หรือเด็กๆ ในครอบครัวของคุณ มีพฤติกรรมเหล่านี้เกิน 2 ข้อ ก็ถึงเวลาที่จะต้องคอยระวังและป้องกันไม่ให้ลูกติดโทรทัศน์ก่อนวัยอันควร
หลายคนอาจมองว่า แค่ดูโทรทัศน์ทำไมถึงต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต! ถ้าไม่คิดเห็นจะไม่ได้แล้ว!! เพราะล่าสุด ดร.ดริมิททรี คริสตากี้ ทีมคณะวิจัยจาก ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ วอชิงตัน ชี้ชัดว่าการดูโทรทัศน์ ทำให้เด็กพูดช้าและพูดน้อยลง ยิ่งมากชั่วโมงเท่าไร ก็จะยิ่งส่งผลให้จำนวนครั้งที่เด็กพูดลดน้อยลง รวมถึงประสิทธิภาพในการได้ยินคำศัพท์จากผู้ใหญ่และการสนทนาโต้ตอบของเด็กก็น้อยลงตามไปด้วย เนื่องจากโทรทัศน์เป็นการสื่อสารทางเดียว เด็กไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบได้เลย การที่พ่อแม่ทิ้งเด็กให้อยู่หน้าจอโทรทัศน์เพียงลำพัง เด็กจึงขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ด้วย
ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ พ.ญ.ณัฏฐิณี ชินะจิตพันธุ์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น จากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ บอกว่า ข้อเสียจากการดูโทรทัศน์เป็นเวลานานเกินไปว่า โทรทัศน์ก็เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ให้ทั้งภาพและเสียง เป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเด็กที่กำลังอยู่ในวัยเรียนรู้ เพราะไม่ว่าจะป้อนหรือสอดแทรกข้อมูลอะไรลงไปเด็กสามารถรับรู้ นำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบและทำตามได้
“ทำให้พัฒนาการด้านภาษาหรือด้านร่างกายไม่ได้รับการกระตุ้นและใช้งานอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กพูดช้า แม้กระทั่งในเด็กโต หากนั่งดูโทรทัศน์เป็นเวลานานๆ อาจมีผลทางด้านร่างกายคือเกิดเป็นโรคอ้วนได้ ในบางรายมีปัญหาทางสายตา ขาดโอกาสในการเรียนรู้สื่ออื่นๆ หากโทรทัศน์สื่อสารข้อมูลมาผิดๆไม่ตรงกับความจริง ส่งผลให้เกิดการเลียนแบบได้ โดยเด็กทุกวัยไม่ว่าจะเป็นวัยเรียนหรือวัยรุ่น ไม่ควรดูโทรทัศน์มากเกินกว่าวันละ 3 ชั่วโมง” พ.ญ.ณัฏฐิณี เตือน
สอดคล้องกับรายงานของ ดร.ซิกแมนจากบริติช ไซโคโลจิคัล โซไซตี้ ที่ได้เล่าถึงพิษภัยของทีวีต่อเยาวชนไว้เช่นกัน แบ่งได้เป็นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกัน หรือคล้ายกัน ดังนี้
โรคอ้วน เนื่องจากมีการออกกำลังกายน้อยมาก ไขมันในร่างกายเพิ่ม เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเลปตินและเกรลินที่ผลิตไขมันและกระตุ้นความอยากอาหาร และเบาหวานประเภท 2 จากการกินอาหารแคลอรีสูงระหว่างดูทีวี
แสงจากทีวียับยั้งการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน การที่เมลาโทนินลดลงอาจทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะเกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์ดีเอ็นเอ ซึ่งทำให้เกิดมะเร็ง โตเป็นสาวหนุ่มก่อนวัย ซึ่งเกี่ยวโยงกับการลดลงของเมลาโทนินเช่นเดียวกัน และทำให้ภูมิคุ้มกันโรคลดลง
โรคออทิสซึม หรือความผิดปกติทางพัฒนาการด้านสังคม ภาษา การสื่อความหมาย พฤติกรรมอารมณ์ และจินตนาการ เกิดจากการขาดการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ขาดสมาธิ เนื่องจากการพัฒนาเซลล์สมองที่ควบคุมช่วงความสนใจบกพร่อง มีปัญหาในการอ่าน ผลจากการขาดสิ่งกระตุ้นสติปัญญาขณะเป็นเด็ก
มีปัญหาในการนอนหลับ เนื่องจากความตื่นเต้นเร้าอารมณ์ของรายการทีวี และคลื่นที่แผ่ออกมาจากทีวีมีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ภูมิคุ้มกันบนผิวหนัง
ล่าสุด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย “กลาสโกว์” ใน “สกอตแลนด์” ได้ออกมาเปิดเผยว่า เด็กที่ดูโทรทัศน์นานเกินวันละ 2 ชั่วโมง มีความเสี่ยงเพิ่มเป็นสองเท่าที่จะป่วยเป็นโรคหืดหอบ เพราะการนั่งหรือนอนดูโทรทัศน์นานเกินไป อาจส่งผลให้เด็กมีรูปแบบการหายใจที่ผิดเพี้ยน จนก่อให้เกิดโรคหืดหอบได้ในภายหลัง
ตระหนักถึงพิษภัยจากการปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์เป็นเวลานานกันไปแล้ว เรามีข้อแนะนำดีๆ จาก คู่มือพ่อแม่มือโปรดูโทรทัศน์กับลูก จัดทำโดย แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) องค์การบริหารแผน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มคพ.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แบบย่อๆ มานำเสนอกันค่ะ
โดยในคู่มือบอกถึง กฎทอง 4 ข้อสำหรับลูก คือ หนึ่ง คือ สอนให้ลูกแยกแยะความแตกต่างระหว่างคนจริงกับตัวละคร สอง บอกให้รู้ถึงความแตกต่างของเรื่องจริงกับเรื่องสมมติ สาม ชี้ชวนลูกดูโทรทัศน์ เพื่อเด็กเกิดความคุ้นเคยกับคำแนะนำหรือคำชักชวนของพ่อแม่ และควบคุมคุณภาพของรายการโทรทัศน์ที่ลูกควรจะดู และสุดท้าย สี่ สำหรับลูกในวัยเรียน ควรกำหนดตารางเวลาดูโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการฝึกวินัยในเบื้องต้น โดยต้องเริ่มตั้งแต่เด็ก
หรือถ้าพ่อแม่มีเวลาว่าง พาลูกไปเล่นกีฬา นอกจากสุขภาพร่างกายจะแข็งแรงแล้วยังเป็นการออกกำลังกายสู้หวัด 2009 ไปในตัว หรือพาไปท่องเที่ยวในประเทศ ก็ดีนะคะ เพราะตอนนี้รัฐบาล รณรงค์ให้คนไทยเที่ยวในเมืองไทย เงินในกระเป๋าของเราจะได้อยู่ในกระเป๋าของเราตลอดไปค่ะ
เพียงใส่ใจสักนิด แบ่งเวลามาดูแลลูกซักหน่อย ก็เป็นการป้องกันที่ดี ก่อนที่จะสายเกินไป….
เรื่องโดย : อัญณิกา กฤษสมัย Team Content www.thaihealth.or.th
Update: 16-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย