‘อยู่’ อย่างมีความหมาย.. ‘จาก’ ไปอย่างมีความสุข

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


'อยู่' อย่างมีความหมาย.. 'จาก' ไปอย่างมีความสุข thaihealth


ความตายอาจเป็นประเด็น เปราะบางในใจของทั้งคนที่ "กำลังจะไป" และ "คนที่ต้อง อยู่ต่อ" จนไม่อยากเอ่ยถึง


หลายคนที่กำลังอยู่ในระยะปลายทางของชีวิต หรือหลายคนที่กำลังเป็น "ผู้ดูแล" ผู้ป่วยระยะสุดท้าย อาจต้องพบเจอปัญหาจากสถานการณ์ที่ไม่รู้จะรับมืออย่างไร หรือทำอย่างไรที่จะดูแลให้ช่วงเวลาระยะสุดท้ายนี้ดำเนินไปอย่างมีความสุขและเป็นไปตามความปรารถนาของผู้ป่วยมากที่สุด


แล้วทำอย่างไร เราถึงจะสามารถประคับประคองคนที่รักให้อยู่สบาย และพร้อมที่จะจากไปอย่างสงบและสมศักดิ์ศรีมนุษย์ได้?


คำถามดังกล่าว สุมิตรา ศรีศุภรัตน์ ตัวแทนจาก ชีวามิตร วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด องค์กรเล็กๆ ที่มองทะลุถึงความต้องการระบบการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายในสังคมไทย และมุ่งมั่นจัดกิจกรรมอบรมเผยแพร่ความรู้ และให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมของยุคสมัย พร้อมกับส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ และงานวิจัยทางสังคมในเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย เพื่อให้สังคมไทยมีความรู้ ความเข้าใจและสามารถวางแผน 'ชีวิตระยะสุดท้าย' ที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยยึดแนวคิดที่ว่า คนเราทุกคนควร "อยู่อย่างมีความหมาย จากไปอย่างมี ความสุข" จะเป็นผู้ให้คำตอบนี้


โดยเธอให้ข้อมูลว่า จากประสบการณ์ บ่อยครั้งที่ผู้ดูแลมักตั้งคำถามว่า ทำไม คนไข้ชอบหงุดหงิด อารมณ์เสียตลอด  ซึ่งคำอธิบายคือ การที่ผู้ป่วยเป็นแบบนี้เพราะเขามีความป่วย จนเกิดความเจ็บปวด ไม่สบายใจ ที่สำคัญที่สุด คือการสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง


"ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีความกลัวและกังวลในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูด อาจเพราะความกลัวหลายปัจจัย จึงกลายเป็นแสดงออกทางอารมณ์ ดังนั้น การได้คุยเพื่อคลี่คลาย ทีละประเด็นความรู้สึกหรือปัญหาออกมาจะช่วยให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น"


รวมถึงบางครั้งคนรอบตัวเอง ก็อาจไม่รู้หรือไม่เข้าใจว่า การที่ผู้ป่วยมักมีอาการ "Pain" หรือมีความไม่ปกติในใจ ก็มาจากการที่ผู้ดูแลหรือคนใกล้ชิดบังคับให้เขาทำ ในสิ่งที่ไม่อยากทำ


ดังนั้นสิ่งที่ชีวามิตรมุ่งจะให้ คือความเข้าใจพื้นฐานที่ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวเอง หรือสุขภาพของเขาตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการอบรม เพื่อถ่ายทอดโนว์ฮาวและความรู้บางอย่าง เพื่อให้ผู้ป่วยและ ผู้ดูแลพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาระหว่างกัน


เธอเล่าว่า ที่ผ่านมา ชีวามิตรและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมมือกันจัดงานอบรมเชิงปฏิบัติการ "อยู่อย่างมีความหมาย จากไป อย่างมีความสุข" เพื่อติดอาวุธความรู้ด้านสุขภาพให้คนไทยให้เข้าถึงข้อมูลความรู้ และบริการสาธารณสุขที่จำเป็น ทั้งนี้ มีเป้าหมายต้องการสนับสนุนการดูแลสุขภาพช่วงท้ายให้เกิดขึ้นได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม


"จากประสบการณ์การทำงานของเรา พบว่าคนป่วย ยากที่จะออกมาเพราะนอกจาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยติดเตียง มีสภาวะที่ลำบากแล้ว อีกมุมเขาไม่ต้องการแสดงความเป็นคนป่วย ทำให้ที่ผ่านมาการจัดกิจกรรมอาจยังไม่เข้าถึงกลุ่มนี้นัก แต่พวกเขาคือกลุ่มที่เราอยากดึงเขาออกมาให้มาใช้ชีวิตในสังคม ไม่ใช่มีแค่โรงพยาบาลกับบ้าน"


ดังนั้นในอนาคตแผนการสำคัญของชีวามิตร คือการอบรม "จับคู่" ให้ผู้ป่วยและ ผู้ดูแล ได้เจอกับคู่ผู้ป่วยและผู้ดูแลรายอื่นๆ เนื่องจากแนวทางนี้จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้เป็นคนเดียวในโลก แต่เขายังมีเพื่อนที่ป่วยเหมือนกันหรืออาจป่วยมากกว่า


"เราอยากพัฒนาสังคมตรงนี้ขึ้นมา เพื่อให้เขาได้มาเจอ พูดคุยแลกเปลี่ยนระหว่างกันมากขึ้น"


'อยู่' อย่างมีความหมาย.. 'จาก' ไปอย่างมีความสุข thaihealth


ที่ผ่านมา ทางชีวามิตรเคยทดลองจัดคอร์สกับกลุ่มนี้ครั้งหนึ่ง ด้วยการนำผู้ป่วยและผู้ดูแล 25 คู่มาเข้าร่วมอบรม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ตัวคนป่วยเองมีโอกาสได้ปลดปล่อยความอัดอั้นในใจ "บางอย่าง" ออกมา


"สิ่งที่เราประทับใจมากคือ ผู้ป่วยบางราย จะจับคู่เมาท์กันเองเรียบร้อย แล้วสิ่งที่ เกิดขึ้นคือ พวกเขาได้กำลังใจกลับบ้าน


"เพราะมันทำให้เขารู้สึกนะว่า เออ.. มีคนฟังเขาที่เป็นเหมือนเขา เออ…เคสของเธอแย่กว่าของชั้นอีก… ทีนี้ พอต่างฝ่ายต่างได้พูด ต่างคนเลยกลับบ้านตัวเบา


"ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่กล้าพูดกับใคร แต่เขาก็กล้าที่จะระบายออกมาพูดกับคนป่วยด้วยกัน หรือแม้แต่ผู้ดูแลเอง บางครั้ง อาจมีความเหน็ดเหนื่อย ท้อถอยเหมือนกัน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เขาจะได้มาเจอคนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มันกลายเป็นการ Release Pain บางอย่างในใจ"


"ซึ่งกิจกรรมวันนั้นทำให้เราได้กรรมการ มาอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกสามีเขาไม่ยอมมา แต่พอได้มาแล้ว เขาได้รู้สึกว่าปลดปล่อยตัวเอง ตัวภรรยาเลยรู้สึกว่าอยากให้คนอื่น มีโอกาสแบบเขา จึงมาร่วมผลักดันไปกับเรา"


เธอเล่าต่อว่า เป็นเรื่องปกติที่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจหลีกเลี่ยงปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างผู้ป่วย กับผู้ดูแล  หรือกับหมอที่ทำการรักษาเช่นกัน


ดังนั้นในการอบรมทางทีมงานของ ชีวามิตรจะเป็นผู้จดบันทึก สิ่งที่เขามีความ Suffer เหล่านี้ ว่ากำลังทุกข์หรือมีปัญหาเรื่องอะไรบ้าง


"เราก็ลิสต์ออกมา โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ด้านนี้มาช่วยคลายประเด็นในแต่ละประเด็น อาทิ การแนะนำการดูแลจริงๆ ที่ถูกต้อง ไปจนถึงกรณีที่ทำไมคนไข้ถึงเหวี่ยงวีน"


"อย่างกรรมการท่านนั้นก็ยอมรับว่าเคยบังคับสามีให้รับประทานนู่นนี่ เพราะหวังดีว่าอยากให้กินแต่สิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ บังคับกินยาให้ตรงเวลา แต่สามีที่ป่วยอยู่กลับเบื่อหน่าย บอกไม่! ชั้นอยากกิน ขาหมู ทำไมต้องบังคับชั้นล่ะ หรือบางรายนี่ เปิดธรรมะให้ผู้ป่วยฟังเลย ทั้งที่จริงผู้ป่วยไม่ได้ต้องการและไม่ยอมรับ เพราะคิดว่าฉันยังไม่ได้ตายนะ มันมักมีความขัดแย้งลักษณะนี้เกิดขึ้นเสมอ ซึ่งการมาเจอกับ ผู้ป่วยคนอื่น มันทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังมี ที่ปรึกษาใหม่ ที่ไม่ใช่หมอ มันผ่อนคลายมากขึ้น"


สุมิตรา เสริมว่า แม้แต่ในการปรึกษาเบาๆ บางครั้งยังเลยเถิดไปถึงเรื่องการแลกเปลี่ยนแนวทางการรักษา และการดูแลสุขภาพผู้ป่วยระหว่างกันเองได้ ทำให้พวกเขาได้ความรู้ใหม่ๆ ในการดูแลผู้ป่วย


"กระบวนการนี้ช่วยเรื่องการเตรียมตัว แต่ทุกครั้งที่เราพูดเรามักเน้นคนรอบตัวและคนที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์เพื่อออกแบบเตรียมตัว ซึ่งผู้ป่วยเองมีจำนวนมากที่ไม่เคย รับรู้เรื่องนี้ ซึ่งหากเขารู้แล้ว เรามองว่า เขาสามารถใช้ได้เลย"


แต่สำหรับปลายทางของการอบรม ลึกๆ นั้นคือความหวังเล็กๆ ว่า เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างรู้ใจกัน ย่อมนำไปสู่การทำ Advance Care Plan ได้อย่างที่คนป่วยอยากได้


"ผู้ป่วยจะสามารถทำ Advance care plan หรือการวางแผนเพื่อเตรียมตัวชีวิตระยะสุดท้ายของตัวเองได้ โดยทั้งผู้ป่วยและ ผู้ดูแลต้องไปด้วยกัน ต้องปรึกษาหมอด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องเป็น family meeting จึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จในการรักษา"


เช่น หากผู้ป่วยบอกอยากอยู่จนหลานรับปริญญา แปลว่าเขาไม่อยากตายนั่นแสดงว่า ทั้งแพทย์และญาติต้องช่วยดูแลชีวิตเขาให้ยาวนานที่สุด แต่หากผู้ป่วยบางรายต้องการวางแผนชีวิตในช่วงสุดท้ายที่จะอยู่อย่างมี ความสุข รูปแบบการดูแลย่อมเปลี่ยนเป้าหมาย เช่น อาจนำไปสู่แนวทางการดูแลแบบ ประคับประคอง (Palliative Care) แทน


"แต่ที่สำคัญที่สุดคือให้ผู้ป่วยยอมรับสถานภาพตัวเอง และผู้ดูแลยอมรับสถานภาพผู้ป่วย"


ผู้ที่สนใจปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ติดต่อได้ที่เฟสบุ๊ก cheevamitr

Shares:
QR Code :
QR Code