อบต.ท่าข้าม จ.สงขลา สร้างชุมชนที่ยั่งยืน
เน้นด้านคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ท้องถิ่นดี มีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ยึดประโยชน์เพื่อประชาชนและพื้นที่จริงๆ ทำงานแบบมีส่วนร่วม กระจายอำนาจบริหารจัดการและงบประมาณให้กับกลุ่ม/องค์กรต่างๆในชุมชน/หมู่บ้าน อบต.เทศบาล อบจ. ก็มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง
ผู้เขียนได้พาคณะวิจัยโครงการพัฒนาและวิจัยสุขภาวะเพื่อความอยู่ดีมีสุข อันเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกลุ่ม/องค์กรชาวบ้านกับ อบต. 60 แห่งในภาคอีสาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไปดูงานที่ อบต.ท่าข้าม เทศบาลตำบลปริก จ.สงขลา โดยผ่านการประสานงานของ ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิและคณะ ซึ่งทำงานบูรณาการด้านสุขภาพในจังหวัดสงขลาและภาคใต้ 14จังหวัด
อบต.ท่าข้ามมีนาย
อบต.ท่าข้ามมีผลงานโดดเด่นในเรื่องการออมทรัพย์สะสมทุนโดยชาวบ้านเอง ทั้งตำบลมีเงินมากกว่า 85 ล้านบาท บางหมู่บ้านมีถึง 35 ล้านบาท มีชมรมท่าข้ามใจดี ดูแลคนพิการทุกประเภท มีชมรมผู้สูงอายุ 1,500 คนดูแลกันแบบเพื่อนช่วยเพื่อนในลักษณะคนท่าข้ามไม่ทอดทิ้งกัน มีศูนย์สุขภาพชุมชนที่ร่วมมือกับ สปสช.มีการตรวจสุขภาพประจำปีเวทีรับฟังสุขทุกข์ สายด่วนสุขภาพ มหกรรมสุขภาวะตำบล กองร้อย อส.สำรอง ออกกำลังกายทุกเดือน สมุนไพร ปุ๋ยชีวภาพ น้ำดื่มสมุนไพร ผักปลอดสารพิษ ศูนย์สุขภาพตำบล 3 ตำบลทำงานร่วมกัน
มีสภาวัฒนธรรมเมือง ใช้เป็นเวทีมีส่วนร่วมและจัดทำแผนร่วมกันในเวลาค่ำๆ เนื่องจากเป็นพื้นที่ขอบเมือง ชาวบ้านมีอาชีพรับจ้าง กิจกรรมด้านสุขภาวะทั้งหมดทำไปเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพร่างกาย ที่ชาวบ้านเป็นโรคเรื้อรัง ปวดเมื่อย สุขภาพจิตใจของผู้สูงอายุ ผู้พิการที่มีความเครียดและขาดความอบอุ่นให้ได้รับการดูแลซึ่งกันและกัน สุขภาพสังคมที่มีปัญหายาเสพติด สุราในหมู่วัยรุ่นและวัยทำงาน สุขภาพทางปัญญาที่ขาดผู้นำในตำบล
อบต.ท่าข้ามเป็นอบต. ขนาดเล็ก มี 8 หมู่บ้าน งบประมาณ เพียงแค่ปีละ 15 ล้านบาท มีสถานีอนามัย 1 แห่ง ศูนย์เด็ก 4 แห่ง วัด 6 แห่ง มัสยิด 1 แห่ง มีสภาวัฒนธรรมเชื่อมร้อยการอยู่ร่วมกันของสองศาสนาโดยไม่ขัดแย้งกัน
นายก อบต. นาย
อบต. ยังเป็นความหวังและสร้างผลงานดีเพื่อชาวบ้าน/พื้นที่ได้ ถ้าอบต. เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ร่วมกันทำความดีทำประโยชน์ด้วยการบริหารงานแบบมีส่วนร่วมและกระจายอำนาจสู่ชุมชน ไม่ใช่ขอเพียงแค่ให้การบริหารส่วนกลางและภูมิภาคกระจายอำนาจให้กับตัวอบต. เองเท่านั้น แต่ อบต. ต้องกระจายอำนาจไปถึงกลุ่ม/องค์กรชาวบ้านที่แท้จริงด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
update 14-11-51