ห้องเรียนพ่อแม่สัญจรกระตุ้นเลี้ยงลูกเชิงบวก

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ห้องเรียนพ่อแม่สัญจรกระตุ้นเลี้ยงลูกเชิงบวก thaihealth


เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว จัดกิจกรรม "ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร ตอน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ" โดยมีครอบครัวเข้าร่วมถึง 50 ครอบครัว จัดขึ้นที่โรงแรมพาวิลเลี่ยน ริมแคว รีสอร์ท อ.เมือง จ.กาญจนบุรี


นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ปัจจุบันนี้พ่อแม่ ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่ต้องทำงานนอกบ้าน ทำให้เด็กใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเทคโนโลยี อาทิ โทรทัศน์ เกม คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต หรือฝากการดูแลรับผิดชอบเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกไว้กับสถาบันพัฒนาการเด็ก สสส.เห็นความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพในเด็ก โดยเฉพาะตั้งแต่วัยแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่เด็กจะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ มีทักษะและพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างเต็มศักยภาพ โดยจัดกิจกรรม "ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร ตอน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ" สนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กปฐมวัยของรัฐบาล สามารถสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงกระตุ้นให้พ่อแม่  ผู้ปกครอง โดยเน้นการสร้างวินัยเชิงบวก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก ได้แก่ รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วม


ห้องเรียนพ่อแม่สัญจรกระตุ้นเลี้ยงลูกเชิงบวก thaihealth


"สสส.จัดกิจกรรมห้องเรียนพ่อแม่ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมแล้วกับการเดินทางต่อ โดยจัดกิจกรรม "ห้องเรียนพ่อแม่สัญจร ตอน เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจ" ใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ 1.ภาคตะวันตก ที่ จ.กาญจนบุรี 2.ภาคใต้ ที่ จ.สงขลา 3.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.อุบลราชธานี 4.ภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ 5.ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อขยายฐานความรู้ความเข้าใจเรื่องพัฒนาการลูกไปยังพ่อแม่ทั่วประเทศ รวมถึงสร้างแรงกระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวก และกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับลูก ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2561" นางเบญจมาภรณ์กล่าว


ห้องเรียนพ่อแม่สัญจรกระตุ้นเลี้ยงลูกเชิงบวก thaihealth


รศ.นพ.ศิริไชย หงส์สงวนศรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พัฒนาการที่ดีเริ่มต้นที่พ่อแม่และผู้ปกครอง จึงไม่อยากให้กังวลว่าการที่ลูกจะมีพัฒนาการที่ดีจะต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมากหรือมีเวลาที่มาก แต่มีจุดเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน ด้วยกิจกรรมธรรมดาที่เติมความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่และความสม่ำเสมอ อาทิ เล่นกับลูก อ่านกับลูก ชวนลูกพูดคุย พาลูกท่องเที่ยว ซึ่งแฝงความมหัศจรรย์ที่ช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กในหลายด้านถูกกระตุ้นอย่างที่ผู้ใหญ่คาดไม่ถึง ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการคงอยู่ของสิ่งต่างๆ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านการสื่อสารระหว่างกัน ฝึกการจดจำข้อมูล และเกิดสายสัมพันธ์ความผูกพันในหัวใจของลูก เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กเป็นศูนย์กลาง การสบตา การใช้เสียงสูงต่ำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้ถักทอสายสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โทรศัพท์ 0-2933-9750 หรือ www.thaihealth.or.th

Shares:
QR Code :
QR Code