ห่วงไฟรั่วหน้าฝน เตือนเช็กไฟฟ้าในบ้าน
สพฉ.ห่วงไฟรั่วช่วงฤดูฝน เตือนตรวจเช็กไฟฟ้าในบ้านก่อนเกิดเหตุไฟฟ้าช็อต แนะวิธีปฐมพยาบาล หากหยุดหายใจต้องรีบช่วยฟื้นคืนชีพ ย้ำหาวัสดุไม่นำไฟฟ้าป้องกันตัวก่อนถูกตัวผู้บาดเจ็บ พร้อมรีบตัดกระแสไฟฟ้า
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้เกิดพายุฝน ลมแรงในหลายพื้นที่ ซึ่งภัยที่น่าเป็นห่วงในช่วงนี้ นอกจากอุบัติเหตุแล้ว ยังมีอันตรายจากไฟฟ้า ทั้งไฟดูด ไฟรั่ว และไฟช็อต ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อเป็นการป้องกันแต่ละบ้านควรตรวจสอบก่อนว่าภายในบ้านมีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่ วิธีการตรวจสอบง่ายๆ คือ ให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด แล้วดูที่มิเตอร์ว่าแผ่นจานในมิเตอร์หมุนหรือไม่ หากหมุนอยู่ก็แสดงว่าไฟฟ้าในบ้านรั่วจะต้องรีบแก้ไข นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบเครื่องตัดไฟ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
นพ.อนุชา กล่าวว่า สำหรับอาการของคนที่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตนั้น ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่โดนช็อตรุนแรงเพียงใด บางครั้งอาจเพียงแค่ทำให้ล้มลงกับพื้น หรืออาจถึงขั้นรุนแรงคือมีอาการชักเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย หายใจเร็ว หมดสติ และหยุดหายใจหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้อาจทำให้เกิดบาดแผลไหม้ตรงผิวหนังและกินลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง การช่วยเหลือนั้นผู้ที่เข้าช่วยเหลือจะต้องตั้งสติ และโทร.ขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1669 และจำไว้เสมอว่าห้ามสัมผัสตัวผู้ถูกไฟช็อตด้วยมือเปล่า ควรใช้วัสดุที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าป้องกันตัวก่อน เช่น ถุงมือยาง ผ้าแห้ง พลาสติกแห้ง เป็นต้น และจะต้องตัดกระแสไฟในที่เกิดเหตุทันที ยกเว้นเป็นสายไฟแรงสูง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
"หลังจากนั้นให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปในพื้นที่ปลอดภัย เพราะบางครั้งสถานที่ที่ถูกไฟช็อตอาจอยู่ใกล้ป้ายโฆษณา หรือต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายซ้ำได้ โดยต้องเคลื่อนย้ายอย่างถูกวิธีด้วย เพราะบางครั้งการเคลื่อนย้ายอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บมากขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟบ้านทั่วไป และมีเพียงบาดแผลไม่ลึก ไม่มีอาการผิดปกติอื่น สามารถสังเกตอาการที่บ้านได้ ยกเว้น ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคไต โรคหัวใจ ควรนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ประเมินอาการอีกครั้ง ส่วนผู้ป่วยที่หมดสติ จะต้องพิจารณาว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจหรือไม่ หากหยุดหายใจจะต้องรีบทำการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ (CPR) ทันที" เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
ที่มา : ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต