ห่วงเด็กป่วยมือเท้าปาก ช่วงหน้าหนาว
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
แฟ้มภาพ
ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ผู้ปกครองต้องสังเกตอาการป่วยของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโรคมือเท้าปาก ที่ยังคงต้องระวังเด็กป่วย เนื่องจากเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า สำหรับสถานการณ์ของโรคมือเท้าปาก ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-วันที่ 2 พฤศจิกายน มีรายงานผู้ป่วย 17,715 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ แรกเกิด-4 ปี รองลงมาคือ อายุ 5 ปี และอายุ 7-9 ปี ส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับแรก คือ สุรินทร์ สงขลา นราธิวาส พัทลุง และยะลา ตามลำดับ
อาการของเด็กที่ป่วยจะเริ่มด้วยมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วัน มีอาการเจ็บปาก ร่วมกับมีตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ตุ่มแผลในปาก เพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม ลิ้น ต่อมาจะ แตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชัก เกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจติดเชื้อโรคมือเท้าปากชนิด รุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ แนะนำให้ผู้ปกครองดูแลและสังเกตอาการของบุตรหลาน ในช่วงอยู่บ้านอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กเล็กอาจบอกอาการเจ็บป่วยของตนเองไม่ได้
ส่วนวิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก 1.ลดการสัมผัสเชื้อ ไม่นำมือที่สกปรกสัมผัสใบหน้า เนื่องจากเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย ซึ่งมักจะติดอยู่บนมือแล้วนำเข้าปากหรือจับของเล่น ของใช้ ทำให้เชื้อกระจายสู่ผู้อื่นได้ 2.หมั่นทำความสะอาดของใช้และของเล่นของเด็กเป็นประจำ และเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท 3.หมั่นให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำ เพื่อลดเชื้อสะสมบนมือและลดการแพร่สู่ผู้อื่น
4.หากบุตรหลานป่วย ให้เด็กสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร แยกของใช้ส่วนตัวและไม่ให้คลุกคลีกับคนอื่นๆ หากบุตรหลานมีอาการข้างต้น ควรพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป ซึ่งวิธีดังกล่าวสามารถป้องกันได้ทั้งโรคมือเท้าปาก โรคโควิด-19 และโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ได้